วิตามินบีรวม เป็นหนึ่งในวิตามินที่ร่างกายต้องการ เพื่อให้ระบบอวัยวะภายในร่างกายทำงานได้ตามปกติ ซึ่งด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบและพฤติกรรมอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้หลายคนมีอาการขาดวิตามินบีรวม จนต้องหาซื้อในรูปแบบอาหารเสริม มารับประทานทดแทน นั่นจึงทำให้หลาย ๆ แบรนด์ มีการผลิตวิตามินบีรวมออกมาจำหน่าย ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกันอย่างแพร่หลาย
หากคุณอยากรู้ว่า วิตามินบีรวม มีดียังไง ทำไมคนถึงชอบซื้อมาทานในรูปแบบอาหารเสริม SGECHEM จะพาไปหาคำตอบ พร้อมกับบอกเล่าถึงประโยชน์ของวิตามินบีรวมแต่ละชนิดที่คุณอาจไม่เคยรู้สารบัญ
วิตามินบีรวม คืออะไร?
วิตามินบีรวม หรือ วิตามินบี คอมเพลกซ์ (Vitamin B Complex) วิตามินบี โค (วิตามิน B-Co) คือ กลุ่มของวิตามินบี ที่รวมวิตามิน 8 ชนิด เข้าด้วยกัน ได้แก่ วิตามิน B1 B2 B3 B5 B6 B7 B9 B12 มีประโยชน์ในการบำรุงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้มีสุขภาพดี และทำให้ระบบอวัยวะภายในร่างกายทำงานได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็น ระบบประสาท การทำงานของสมอง รวมถึงช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์ให้เป็นปกติ โดยจะได้รับต่อเมื่อทานอาหารที่มีวิตามินบีเข้ามาเท่านั้น ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ส่วนใหญ่แล้ว สามารถพบได้ในเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ผัก ผลไม้และธัญพืชบางชนิด
ประโยชน์ของวิตามินบีรวม
1. วิตามินบี 1 (ไทอะมีน)
ช่วยบำรุงประสาท ทำให้หัวใจทำงานเป็นปกติ สามารถบรรเทาอาการเมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน ช่วยรักษาโรคงูสวัดดิ์ โรคเหน็บชาได้ และมีผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กในครรภ์ด้วย อาหารที่มีวิตามินบี 1 คือ ข้าวกล้อง จมูกข้าวสาลี นมถั่วเหลือง ไข่แดง ถั่ว งา เมล็ดทานตะวัน และเนื้อหมู
2. วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน)
บำรุงผิวพรรณ เล็บ และเส้นผมให้มีสุขภาพดี มีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างการเจริญเติบโตและสืบพันธุ์ เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น บรรเทาอาการอ่อนล้าของสายตา กำจัดอาการเจ็บแสบในปาก ริมฝีปาก และลิ้น ทำงานร่วมกับสารอื่น ๆ ในการเผาผลาญอาหารประเภทแป้ง ไขมัน และโปรตีน หากขาดวิตามินชนิดนี้ จะเป็นโรคปากนกกระจอกเทศ อาหารที่มีวิตามินบี 2 ได้แก่ ไข่ นม ถั่ว โยเกิร์ต ชีส ผักใบเขียว ปลา ตับ ไต
3. วิตามินบี 3 (ไนอะซิน)
มีประโยชน์โดดเด่นในเรื่องของการบำรุงผิวพรรณให้มีสุขภาพดี และทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ในเส้นเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้ อาหารที่มีวิตามินบี 3 ได้แก่ ไข่ ปลา เนื้อไม่ติดมัน เนื้อขาวจากพวกสัตว์ปีก ตับ โฮลวีต จมูกข้าวสาลี ถั่วลิสง อะโวคาโด อินทผลัม ลูกพรุน มะเดื่อฝรั่ง บริเวอร์ยีสต์
4. วิตามินบี 5 (กรดแพนโทเทนิก)
ป้องกันการอ่อนเพลียของร่างกาย ช่วยรักษาอาการเหน็บชาที่มือและเท้า เสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย ทำให้แผลรักษาหายได้เร็วขึ้น และลดความเจ็บปวดจากโรค หรือ ผลข้างเคียงจากการใช้ยาปฏิชีวนะได้ รวมถึงช่วยในเรื่องของการควบคุมอารมณ์ ความเครียด ความวิตกกังวล ให้เป็นปกติ อาหารที่มีวิตามินบี 5 ได้แก่ ข้าวกล้อง มันฝรั่ง เครื่องในสัตว์ ไข่ อาหารทะเล บรอกโคลี นม
5. วิตามินบี 6 (ไพริด็อกซิน)
เสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรง ช่วยป้องกันโรคทางประสาทและโรคผิวหนังหลายชนิด ลดอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งในเวลากลางคืน มือชา ขาเป็นตะคริว และปลายประสาทที่แขนขาอักเสบบางชนิด ในผู้หญิงตั้งครรภ์ มีส่วนช่วยให้เด็กทารกในครรภ์ เจริญเติบโตได้แข็งแรงด้วย อาหารที่มีวิตามินบี 6 ได้แก่ ข้าวโอ๊ต ข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี ถั่วลิสง ถั่วเหลือง วอลนัต กะหล่ำปลี กากน้ำตาล แคนตาลูป ไข่ ตับ ปลา
6. วิตามินบี 7 (ไบโอติน)
มีจุดเด่นในการช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ช่วยในเรื่องการเผาผลาญ เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตให้เป็นกลูโคส สร้างพลังงานให้กับร่างกาย และมีส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน Keratin ซึ่งเป็นส่วนประกอบในเล็บและผม ทำให้ผมและเล็บดูสุขภาพดี แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย อาหารที่มีวิตามินบี 7 เช่น ไข่แดง ตับ ไต ถั่วลิสง อัลมอนด์ ถั่วเหลือง ดอกกะหล่ำ หรือกล้วย
7. วิตามินบี 9 (กรดโฟเลท)
มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างพัฒนาการของทารกในครรภ์ ให้เจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ แข็งแรง สำหรับคนทั่วไป จะมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี โดยโฟเลทสามารถพบได้ในตับ ถั่ว ไข่ มะละกอ กล้วย อะโวคาโด ผักใบเขียวอย่างผักปวยเล้งและบรอกโคลี
8. วิตามินบี 12 (โคบาลามีน)
ช่วยบำรุงระบบประสาท ทำให้ระบบประสาทแข็งแรง เพิ่มสมาธิ ความจำ และการทรงตัวให้ดีมากขึ้น รวมถึงยังช่วยปรับอารมณ์ให้สมดุล บรรเทาอาการหงุดหงิด ลดความเครียด นอกจากนี้ หากได้รับในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ด้วย อาหารที่มีวิตามินบี 12 ได้แก่ ไข่ เนื้อสัตว์ ตับ ปลา นม โยเกิร์ต หรือ ชีส
ทำไม วิตามินบีรวม ถึงนิยมนำมาทำเป็นอาหารเสริม
เพราะเป็นกลุ่มของวิตามินที่สามารถบำรุงร่างกายได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า จากระบบประสาทไปจนถึงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย รวมถึงยังมีผลต่อการควบคุมและการแสดงออกทางด้านอารมณ์ของเราในแต่ละวัน ทำให้วิตามินบีรวม เป็นวิตามินกลุ่มหนึ่งที่ร่างกายจะขาดไปไม่ได้เลย และจำเป็นมาก ๆ ที่จะต้องได้รับในปริมาณที่เพียงพออยู่เสมอ เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีทั้งจากภายนอกและภายใน
ซึ่งจากการที่คนทั่วไปในปัจจุบัน ไม่ได้บริโภคอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ อันอาจทำให้ไม่ได้รับวิตามินบีรวม จากอาหารทั่วไปอย่างเพียงพอ นั่นจึงทำให้มีการผลิตวิตามินบีรวมออกมาในรูปแบบเสริม เพื่อให้คนทั่วไปสามารถได้รับวิตามินชนิดนี้ ในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวันได้อย่างสะดวก โดยปัจจุบัน มีทั้งแบบยาเม็ด แบบแคปซูล ยาน้ำ สำหรับรับประทาน ตลอดจนยาฉีด ที่จะฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำเข้าสู่ร่างกายโดยตรง โดยปริมาณที่ร่างกายควรได้รับวิตามินบีแต่ละชนิดต่อวันนั้น ก็มีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวิตามินบีชนิดนั้น ๆ เช่น
วิตามิน | ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน (mcg.) |
---|---|
วิตามินบี 1
วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 วิตามินบี 7 วิตามินบี 9 วิตามินบี 12 |
0.9
0.9 12 4 1 20 300 1.8 |
ใครบ้างที่ควรทานวิตามินบีรวมเป็นอาหารเสริม
คนเราเมื่อโตขึ้น ภาระหน้าที่ก็มีมากขึ้นตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ซึ่งอาจทำให้มีความเครียด วิตกกังวล อารมณ์แปรปรวนง่าย หรือ มีลูก ซึ่งทำให้คุณผู้หญิงต้องดูแลตัวเองให้มากขึ้น นั่นจึงทำให้มนุษย์วัยทำงานและสตรีตั้งครรภ์ ถือเป็นกลุ่มหลัก ๆ เลย ที่ควรทานวิตามินบีรวม เพราะวิตามินบีรวม จะช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ทำให้คนวัยทำงานพร้อมตื่นเช้าไปทำงานได้ในทุก ๆ วัน และยังช่วยปรับอารมณ์ให้สมดุล ลดความเครียดจากการทำงานได้ ส่วนคุณแม่มือใหม่นั้น วิตามินบีรวม จะช่วยให้เด็กในครรภ์เจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรง และช่วยเสริมพัฒนาการของเด็กในครรภ์ด้วย
ส่วนผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคติดสุราเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคเอดส์ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ตลอดจนคนที่อ่อนเพลียง่าย เหนื่อยง่าย สับสนบ่อย มีอาการโลหิตจาง ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ท้องเสีย ท้องเดิน อุจจาระเป็นสีเหลืองเข้ม หรือ มีสีคล้ำขึ้น บ่อย ๆ หากคุณอยู่ในกลุ่มนี้ ก็จัดอยู่ในกลุ่มที่ควรทานวิตามินบีรวมด้วยเช่นกัน เพราะระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายอาจอ่อนแอลง จนเกิดอาการเหล่านี้ขึ้น หากได้รับวิตามินบีรวม จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง ตลอดจนช่วยบำรุงร่างกายในส่วนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลีย รักษาโรคเหน็บชา ลดระดับคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด ตลอดจนบำรุงผิวหนังและเส้นผมให้แข็งแรงได้ ฯลฯ ซึ่งจะช่วยทำให้ร่างกายกลับคืนสู่ความสมดุล ชะลออาการเจ็บปวด และผลข้างเคียงจากโรคที่เผชิญอยู่ได้
อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังในการรับประทานอาหารเสริมวิตามินบีรวม คือ ห้ามผู้ที่มีประวัติแพ้ยาที่มีส่วนผสมของวิตามินบีรวมรับประทานโดยเด็ดขาด และเมื่อรับประทาน ไม่ควรปรับขนาดยาเอง ควรทานตามปริมาณที่แพทย์สั่งเท่านั้น ส่วนการเลือกผลิตภัณฑ์ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใหม่ ไม่ใกล้หมดอายุ และหากใครเป็นผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ ผู้ป่วยมะเร็งอัณฑะควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด
สนใจผลิตอาหารเสริม ที่มีส่วนผสมของวิตามินบีรวม สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ SGECHEM เพราะเราเป็นโรงงาน OEM ที่ผลิตอาหารเสริมครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ไปจนถึงการออกแบบ สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ และมีบริการจดทะเบียน อย. ให้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมของคุณถูกต้องตามกฏหมาย สามารถวางขายแข่งขันทางการตลาดได้อย่างสบายหายห่วง หากสนใจสามารถคลิกลิ้งก์เว็บไชต์ที่ https://sgechem.com/ หรือติดต่อทางโทรศัพท์ หรือ Line ของเราได้เลย
Leave A Comment