ครีมอันตราย มีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน และวางขายกันอย่างโจ่งแจ้ง โดยเฉพาะในอินเตอร์เน็ตและโลกโซเชี่ยล ซึ่งด้วยการโฆษณาและการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ทำให้มีคนไม่น้อยที่หลงเชื่อและซื้อมาใช้ จนก่อให้เกิดผลเสียกับผิวและร่างกายของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นอาการแพ้ต่าง ๆ  หรือ สารพิษซึมเข้าสู่เข้าสู่เซลล์ผิว สั่งสมให้เป็นโรคอันตรายอื่น ๆ ตามมา

ก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ครีม จึงควรเช็กและสังเกตให้ดี ว่าครีมนั้น ๆ มีความน่าเชื่อถือ ใช้แล้วปลอดภัย ไม่ส่งผลอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ ซึ่งหากใครไม่รู้ว่าจะตรวจเช็กยังไง เพราะมันมีมากมายเหลือเกินในท้องตลาด บางแบรนด์มีความน่าเชื่อถือ แต่เป็นครีมกวนเองก็มี SGECHEM จึงจะมาบอกเคล็ดลับการตรวจเช็กครีมเบื้องต้น ว่าควรสังเกตตรงจุดไหน และจะป้องกันตนเองไม่ให้เลือกซื้อ ครีมอันตราย ได้อย่างไร ถ้าพร้อมแล้ว ตามมาดูกันเลย

ครีมอันตราย ประกอบด้วยสารอะไรบ้าง

ครีมอันตราย

1. สารปรอท

สารปรอท มักเป็นส่วนผสมที่พบได้ในครีมที่มีสรรพคุณบำรุงผิวขาว เนื่องจากสามารถช่วยทำให้สีผิวขาวขึ้น โดยเริ่มใช้ในฝรั่งเศส ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14-19 ก่อนจะถูกยกเลิกไม่ให้ใช้ เนื่องจากพบว่าส่งผลข้างเคียงกับร่างกายเยอะ ไม่ว่าจะเป็นอาการแพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ ฝ้าถาวร ผิวบางลง หากใช้ไปนาน ๆ อาจทำให้สารปรอทสะสมตามผิวหนัง ซึมเข้าสู่กระแสเลือด เสี่ยงต่อการเกิดโรคตับและไตอักเสบ โรคโลหิตจาง ทางเดินปัสสาวะอักเสบ สำหรับสตรีมีครรภ์ หากใช้ครีมที่มีสารปรอท ร่างกายจะดูดซึมเข้าสู่ทารก ทำให้ทารกสมองพิการและบกพร่องทาสติปัญญาได้

2. สารไฮโดรควิโนน

เป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง ตามประกาศของ อย. มักพบการลักลอบใส่ในครีมหน้าขาว ลดฝ้า ลดกระ เพื่อให้ได้ผลเร็ว สำหรับอันตรายที่จะเกิดขึ้นหากใช้งาน ได้แก่ ผิวอ่อนแอ ผิวแดง ลอก ใช้อะไรก็ระคายเคืองง่าย นอกจากนี้ ยังเกิดฝ้าเส้นเลือด เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัว  ส่งผลให้หากโดนความร้อน หน้าจะแดง ตกบ่ายก็ดำคล้ำ  และยังเสี่ยงต่อการหน้าด่างถาวร หรือภาวะ Leukoderma เกิดจาก tyrosine ที่คั่งไปทำลายเซลล์สร้าง melanin เมื่อ melanin ไม่มี ผิวหน้าจึงด่าง

3. สารสเตียรอยด์

สารสเตียรอยด์ หากนำมาใช้เป็นส่วนผสมของครีมอย่างไม่ถูกวิธี อาจเสี่ยง จะทำให้ผิวหน้าของผู้ใช้บางลง ไวต่อมลภาวะ มีผดผื่น สิวขึ้น ไวต่อแสงแดดมากเกินไป และถ้าใช้ไปนาน ๆ ต่อเนื่อง จะทำให้ผิวแตกลาย เกิดสิวเรื้อรังรักษายาก

6 สัญญาณบ่งบอกครีมอันตราย

ครีมอันตราย

1. อ้างสรรพคุณครอบจักรวาล

ครีมทุกยี่ห้อ มักอ้างสรรพคุณว่า รักษาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ หน้ากระจ่างใส ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น รักษารูขุมขน ทำให้ผิวดูดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน แทบจะทั้งหมด แม้แต่แบรนด์ยี่ห้อดัง อย่างไรก็ตาม หากเป็นแบรนด์ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ ราคาถูกเกินปกติ ก็ให้สงสัยไว้ก่อนว่า อาจเป็นครีมที่ไม่ได้มาตรฐาน และอาจมีส่วนผสมที่เป็นอันตราย ซึ่งแม้ว่าจะส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ได้จริง แต่ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายตามมา เช่นสิวเห่อ ผิวหน้าพัง เป็นต้น

2. ครีมที่มีสีผิดไปจากสีขาว ใส

ปกติแล้ว ครีมควรจะมีเนื้อครีมเป็นสีขาวนวล หากพบเจอครีมที่มีสีต่างไปจากปกติ เช่น สีส้ม สีเขียว โดยอ้างว่า เป็นสีที่ได้จากกลุ่มตระกูลพืชอย่าง แครอท ชาเขียว อาจสันนิษฐานได้ว่าเป็นครีมอันตราย เนื่องจากมักใช้สารสเตียรอยด์มาเป็นส่วนผสม หรือสีผสมอาหาร สารเคมีอื่น ๆ เพื่อให้มีสีสันแปลกตา สร้างจุดขาย ให้มีคนซื้อ โดยที่ไม่ได้มีสรรพคุณบำรุงผิวแต่อย่างใด

3. ครีมที่มีกลิ่นน้ำหอมแรงผิดปกติ (กลิ่นหอมไปทางฉุน)

เนื้อครีมมักมากับกลิ่นที่หอม เพื่อให้เกิดสุนทรียภาพในการใช้งานมากยิ่งขึ้น แต่หากมีกลิ่นฉุน แรงถึงขนาดเตะจมูกแล้วละก็ อาจเป็นจุดหนึ่งที่น่าสังเกตว่าเป็น ครีมอันตราย หรือไม่ เพราะหากครีมนั้นใส่สารเคมีอันตรายที่ส่งกลิ่นรุนแรง ก็อาจทำให้มีการผสมน้ำหอมเข้าไปเยอะกว่าปกติ เพื่อช่วยกลบกลิ่นของสารเคมีนั้น ๆ ได้

4. หยุดใช้ครีมแล้วสิวบุก (สิวขึ้น)

หลังจากบำรุงผิวด้วยครีมมาได้สักพัก พอหยุดเลิกใช้ กลับเกิดอาการหน้าเห่อ สิวเห่อ เป็นฝ้า กระ จุดด่าดำขึ้น หน้าแดง แสดงว่า ครีมที่ใช้มีสารอันตราย ซึ่งอาจมีส่วนผสมเป็น ไฮโดรควิโนน สารสเตียรอยด์ หรือสารปรอท ผสมอยู่ ดังนั้น หากใครเจออาการอย่างนี้แล้ว ให้รีบหยุดใช้และหากอาการหนัก ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยด่วน

5. เนื้อครีมมีลักษณะคล้ายเม็ดทราย (แต่ไม่ใช่เม็ดบีดส์)

เนื้อครีมบำรุงผิว ปกติจะต้องเนื้อเนียนละเอียด แต่หากพบเนื้อครีมที่มีความหยาบ คล้ายมีเม็ดทรายเล็ก ๆ แสดงว่าครีมนั้น ก็อาจเป็นครีมอันตราย เนื่องจากผลิตไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า มีสารเคมีอันตรายเป็นส่วนผสมอยู่

6. เนื้อครีมไม่รวมเป็นเนื้อเดียวกัน

หากซื้อครีมตามสถานที่อย่างตลาดนัด แผงลอย อาจเสี่ยงต่อการเจอครีมที่ส่วนนผสมของสารสเตียรอยด์ การสังเกตเบื้องต้นเมื่อซื้อมาแล้ว ให้ลองดูเนื้อครีมว่าจะต้องไม่มีการแยกชั้นระหว่างของเหลวและเนื้อครีม เป็นการสังเกตแบบง่ายๆ คือเนื้อครีมจะต้องรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีน้ำลอยขึ้นมาชั้นบน ถึงจะเป็นครีมที่ดี ใช้ได้ปลอดภัย

ตรวจสอบยังไงว่าเป็น ครีมอันตราย

ครีม

เนื่องจากเนื้อครีมแทบทุกอัน มีสีขาวและมีกลิ่นหอม หากไม่สามารถสังเกตได้ด้วยสายตา แล้วพบสัญญาณเบื้องต้น การตรวจเช็กด้วยการทดสอบครีมเพื่อหาสารอันตราย ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อให้แน่ใจว่า เราจะไม่ทาครีมที่เป็นอันตราย ลงสู่ผิวของเรา โดยการตรวจหาสารเคมีอันตราย 3 อย่างคือ สารปรอท สารไฮโดรควิโนน และสารสเตียรอยด์

วิธีที่ 1 ตรวจสารปรอท

จริง ๆ แล้ว การหาสารปรอทในเนื้อครีม สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า เพราะเนื้อครีมที่มีสารปรอท จะมีลักษณะหยาบ คล้าย ๆ เหมือนกับมีเม็ดทรายหรือเม็ดบีดส์ผสมอยู่ โดยหากยังไม่แน่ใจและไม่ชัดเจนมากพอ ให้ใช้คอตตอนบัด ตักเนื้อครีมขึ้นมา ปาดลงบนกระดาษสีดำในลักษณะวน ๆ ลงแผ่นกระดาษ (อย่างเบามือ) โดยที่ต้องปาดเนื้อครีมขาวลงบนแผ่นกระดาษดำ ก็เพื่อให้สังเกตเนื้อครีมได้ง่ายขึ้น หากพบว่า ในเนื้อครีมนั้น ไม่ได้มีแค่เนื้อครีม แต่ยังมีเม็ดทรายเล็ก ๆ ผสมอยู่ด้วย แสดงว่าครีมนั้น มีส่วนผสมของสารปรอทอยู่

วิธีที่ 2 ตรวจหาสารไฮโดรควิโนน (hydroquinone)

เนื่องจากสารไฮโดรควิโนน ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ตึงจำเป็นต้องทดสอบเท่านั้น ถึงจะรู้ผล โดยสามารถใช้ผงซักฟอกในการตรวจสอบ เริ่มจากตักผงซักฟอกใส่ภาชนะ (ปริมาณของผงซักฟอกต้องเยอะถึงจะเห็นความเข้มข้นของสารชนิดนี้) หลังจากนั้น ให้เติมน้ำเล็กน้อยและตีให้เกิดฟอง จนกว่าจะได้น้ำผงซักฟอกเข้มข้น จากนั้น ใช้คอตตอนบัดตักเนื้อครีมที่มีสารไฮโดรควิโนนขึ้นมาใส่กระดาษทิชชู่ (ควรใช้แบบหนา เพื่อลดการซึมเปื้อน) จากนั้น เทน้ำผงซักฟอกที่เตรียมไว้ ลงไปบนครีม รอสัก 2-3 นาที ถ้าหากว่าครีมชนิดไหนมีสารไฮโดรควิโนนที่ค่อนข้างเข้มข้น ช่วงบริเวณโดยรอบนอกของเนื้อครีมบนกระดาษทิชชู่ก็จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอย่างชัดเจน

วิธีที่ 3 ตรวจหาสเตียรอยด์

ครีมจำนวนมาก มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์อยู่ จึงต้องทดสอบหากมีข้อสงสัย โดยการตรวจสอบคล้ายคลึงกับการตรวจหาสารไฮโดรควิโนน โดยตักเนื้อครีมลงบนกระดาษทิชชู่แบบหนา จากนั้นละลายผงซักฟอกกับน้ำ จนได้น้ำผงซักฟอกเข้มข้น นำมาหยดลงบนครีม สังเกตการเปลี่ยนแปลง หากพบว่าเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีน้ำตาลไหม้ หรือเปลี่ยนสีไปมากจนไม่เหมือนเดิม สันนิษฐานได้ว่าครีมชนิดนั้น อาจมีส่วนผสมของสเตียรอยด์อยู่

วิธีที่ 4 ใช้ชุด Test Kit ครีมอันตราย จากกรมวิทยาศาสตร์

เพื่อให้เกิดความมั่นใจมากที่สุด ควรใช้ Test Kit ครีมอันตราย จากกรมวิทยาศาสตร์ เพราะมีชุดขนาดเล็ก ที่สามารถหาซื้อได้ในราคาประมาณ 200 บาท ทำให้สะดวกสบายมาก กับการทดสอบหาครีมอันตรายด้วยตัวเอง ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำกว่าด้วย โดยวิธีการทดสอบด้วยตัวเองก็ง่าย ๆ เพียงแค่หยดสารเคมีที่มากับชุดตรวจ ลงบนจานหลุม ใช้ก้านไม้ตักเนื้อครีมที่จะทดสอบลงในจานหลุมที่มีสารเคมี คนให้เข้ากัน จากนั้น ให้สังเกตสีที่เปลี่ยนแปลงไปภายใน 5 วินาที เป็นอันเสร็จ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการทดสอบผลลัพธ์เบื้องต้นด้วยตัวเอง อาจบ่งบอกว่าครีมนั้นเป็นครีมอันตรายได้ก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นผลลัพธ์ถูกต้อง 100 % เพราะสารอื่น ๆ เมื่อทดสอบแล้ว ก็อาจจะให้ผลลัพธ์โดยการเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลเช่นเดียวกัน จึงไม่ควรด่วนสรุปฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ผลิตหรือเจ้าของแบรนด์โดยทันที แต่ควรจะส่งตัวอย่างไปให้ อย. ก่อน ซึ่งทางอย. ก็จะตรวจสอบอีกรอบ ด้วยการเรียกให้เจ้าของแบรนด์หรือผู้ผลิต นำส่งตัวอย่างที่เป็น lot/mfd เดียวกันไปทดสอบด้วยเครื่องที่จำเพา ะเป็นการยืนยันครั้งที่ 2  ถ้าผลจากครั้งที่ 2 ยังเป็นผลบวก  จึงจะสรุปว่ามีสารอันตราย เมื่อนั้นคุณจึงค่อยนำผลไปดำเนินคดีกับผู้ผลิตหรือเจ้าของแบรนด์นั้น ๆ ได้ก็ยังไม่สาย

ป้องกันตนเองอย่างไรจากครีมอันตราย

ครีม

เนื่องจากปัจจุบัน การผลิตครีมและเครื่องสำอางไม่ได้จำกัดอยู่แต่แบรนด์ยักษใหญ่และบริษัทชื่อดังเท่านั้น แต่ผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อย ก็ได้เริ่มมาทำธุรกิจผลิตครีมและเครื่องสำอางขายกันจำนวนมาก เพราะเป็นสินค้าที่ใช้แล้วหมดไป ทำให้ขายได้ต่อเนื่องเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้ จึงมีครีมยี่ห้อต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย

ประกอบกับการเติบโตของการขายขอผ่านช่องทางออนไลน์ ที่พุ่งสูงขึ้นทุกวัน ก็ยิ่งทำให้ยอดขายพุ่งสูงและแข่งขันกันดุเดือด ก่อให้เกิดการแข่งขันทางการตลาด ในเรื่องของราคา ที่ตัดกันไปตัดกันมา จนมูลค่าเริ่มลดลง ส่งผลให้มีการลดต้นทุนมากขึ้น จนเริ่มมีการใช้สารเคมีอย่างแพร่หลาย ไม่ได้มาตรฐาน จึงทำให้ครีมส่วนใหญ่กลายมาเป็นครีมกวนเอง ที่ไม่มี อย. หรือมีสรรพคุณบำรุงผิวได้จริง สร้างความเสียหายให้กับผู้ที่หลงเชื่อจากการกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง จนได้รับผลกระทบ เกิดอาการแพ้ผิวเสียหรือโรคร้ายตามมามากมาย ดังที่ปรากฏอยู่ตามพาดหัวข่าวในแต่ละวัน

ก่อนเลือกซื้อครีม ผู้บริโภคจึงควรเลือกอย่างชาญฉลาดและรู้จักช่างสังเกต ไม่หลงเชื่อคำกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง โดยวิธีการเลือกครีมที่ปลอดภัยง่าย ๆ นั้น ให้สังเกตว่า

1. มีฉลากผลิตภัณฑ์ที่ระบุครบถ้วนตามที่ อย.กำหนด ไม่ว่าจะเป้น

  • ชื่อเครื่องสำอางและชื่อทางการค้า ที่มีชื่อทั้งภาษาไทยและอังกฤษ
  • ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต กรณีที่ผลิตในประเทศ ชื่อและที่ตั้งของผู้นำเข้า  และชื่อผู้ผลิตและประเทศที่ผลิต กรณีที่นำเข้า
  • ปริมาณ วิธีใช้ ข้อแนะนำ คำเตือน เดือน ปีที่ผลิตและที่หมดอายุ เลขที่หรืออักษรแสดงครั้งที่ผลิต และชื่อของสารทุกชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิต
  • ข้อความอื่นเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้บริโภค เช่น เลขที่ใบรับแจ้ง จาก อย. เป็นเลข 13 หลัก หรือ 10 หลัก

2. ไม่มีการอวดอ้างสรรพคุณในการโฆษณาตามสื่อต่าง ๆเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และไม่ใช้ข้อความที่ขัดต่อศีลธรรม หรือวัฒนธรรมอันดีงามของไทย

3. ร้านค้าหรือคนขายมีตัวตน ติดต่อได้ รับผิดชอบ ได้หากเกิดเหตุใดๆขึ้น

4. ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการดูแลผิวที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ

5. ไม่เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ที่ราคาไม่เหมาะสมกับคำกล่าวอ้างสรรพคุณ เช่น ครีมทาผิวขาว ช่วยให้ผิวขาวเห็นผลใน 3-7 วัน แต่ราคาถูกแสนถูก สงสัยไว้ได้เลย ว่าอาจเป็นครีมอันตราย

6. เลือกซื้อผลิตภัณฑ์กับบริษัทที่เชื่อถือได้ มีทีมนักวิจัย หรือนักวิทยาศาสตร์ที่ดูความปลอดภัยให้กับผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว

เพียงเท่านี้ ก็จะสามารถคัดกรองครีมอันตรายออกไป และเลือกแต่ครีมที่บำรุงผิวใช้ได้จริงมาอยู่ในมือเราได้แล้ว พร้อมพัฒนาผิวพรรณให้ชุ่มชื่น เพิ่มความสวยงามให้กับร่างกายของเราได้อย่างมั่นใจ ไร้กังวล อย่างไรก็ตาม ควรเลือกครีมที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเรา และทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน ก็จะช่วยทำให้สุขภาพผิวของคุณดีขึ้น

หากสนใจครีมที่มีความปลอดภัย ผลิตภายใต้ระบบที่มีมาตรฐาน สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ SGECHEM เพราะเราเป็นโรงงาน OEM ที่ผลิตเครื่องสำอางครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ไปจนถึงการออกแบบ สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ และมีบริการจดทะเบียน อย. ให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของคุณถูกต้องตามกฏหมาย สามารถวางขายแข่งขันทางการตลาดได้อย่างสบายหายห่วง หากสนใจสามารถคลิกลิ้งก์เว็บไชต์ที่ https://sgechem.com/ หรือติดต่อทางโทรศัพท์ หรือ Line ของเราได้เลย