สร้างแบรนด์ อาหารเสริมและเครื่องสำอางอย่างไร ให้ปัง ๆ ฮิตติดตลาด จนสร้างยอดขายได้ทะลุล้าน โดยเฉพาะเมื่อคุณจ้างโรงงาน OEM ในการผลิต เพราะถึงแม้โรงงานเหล่านี้จะรับผลิตและสร้างแบรนด์ด้วย แต่ในฐานะเจ้าของแบรนด์ การเข้าไปร่วมวางกลยุทธ์ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสูตรผลิตภัณฑ์ ช่องทางการวางขาย การทำการตลาด ฯลฯ ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ทุกอย่างออกมาในทิศทางที่ตนเองต้องการมากที่สุด
ดังนั้น หากคุณเป็นผู้ประกอบคนหนึ่ง ที่ต้องการสร้างธุรกิจ จำหน่ายอาหารเสริม เครื่องสำอาง แต่ไม่รู้ว่าจะสร้างแบรนด์ของตนเอง ร่วมกับโรงงาน OEM อย่างไร ให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมในท้องตลาดแล้วละก็ SGECHEM มี 9 เคล็ดลับในการสร้างแบรนด์ร่วมกับโรงงานผู้ผลิตมาฝาก แบบ step by step รับรองว่า ทำตามขั้นตอนนี้ จะทำให้แบรนด์ของคุณมีความแข็งแกร่ง และเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ออร์เดอร์ไหลมาเทมา จนผลิตขายกันแทบไม่ทันแน่นอน1. คิดก่อนว่าจะขายอะไร
ก่อนที่คุณจะสร้างแบรนด์ หรือ คิดจ้างโรงงาน OEM ในการผลิต สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องทำ คือ คิดให้ออกก่อนว่าจะขายอะไร เพราะอาหารเสริม เครื่องสำอาง สามารถแยกย่อยออกมาได้เป็นหลายร้อยชนิด จึงควรเลือกเฉพาะที่ตนเองต้องการผลิตและจำหน่ายออกมา โดยอาจดูแนวโน้มของตลาดก่อนว่าอะไรขายดีเป็นอันดับแรก เพราะอย่างน้อยก็ช่วยการันตียอดขาย และพอมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่บ้าง
ในขณะที่อีกทางหนึ่งก็คือ เลือกสิ่งที่ตนเองชอบและสนใจ โดยวิธีนี้จะได้เปรียบตรงที่ คุณมีความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดี ทำให้รู้ว่า ใครชอบใช้ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร อันจะทำให้เวลาวางแผนทำการตลาด จะสามารถทำได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกันก็จะรู้สึกอินไปกับการทำธุรกิจด้วย ไม่เบื่อง่าย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นวิธีไหน อย่างน้อยสิ่งที่คุณจะได้ก็คือ สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ ที่จะเริ่มผลิตและ สร้างแบรนด์ เป็นของตนเอง
2. กำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ได้
หากผลิตออกมาแล้ว ไม่รู้จะขายให้ใคร คุณก็อาจลงเงินเสียไปเปล่า ๆ จึงควรกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ได้ก่อนว่าพวกเขาคือใคร ซึ่งหากเป็นครีมผิวขาว กลุ่มลูกค้าก็คือ คนที่มีผิวดำคล้ำ หมอง มีจุดด่างดำตามใบหน้า หากเป็นอาหารเสริมอย่างเช่น โอเมก้า 3 กลุ่มลูกค้าก็คือ ผู้ที่ต้องการบำรุงสายตา เสริมความจำให้ดีขึ้น และอาจเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคความดันโลหิต โรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้น เมื่อคุณเลือกสินค้าที่ต้องการผลิตได้แล้ว อาจดูว่ามันมีประโยชน์อย่างไร ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง เมื่อนั้น คุณก็จะสามารถกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายออกมาอย่างคร่าว ๆ ได้แล้ว
3. หาโรงงาน OEM ที่มีมาตรฐานและน่าลงทุน
เพราะโรงงาน OEM ผลิตอาหารเสริมและเครื่องสำอาง ในปัจจุบันมีจำนวนมาก และเงินเริ่มต้นที่ต้องใช้ในการลงทุนก็มีมูลค่าสูง การศึกษาและหาโรงงาน OEM ที่มีความน่าเชื่อถือ มีมาตรฐานการผลิต และน่าลงทุนจึงมีความสำคัญมาก เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของเราออกมามีคุณภาพ ผ่านการรับรองจาก อย. และสามารถวางขายได้ โดยอาจดูว่า โรงงานนั้น ๆ มีอุปกรณ์การผลิต ห้องปฏิบัติการเป็นอย่างไร ทันสมัยหรือไม่ มีมาตรฐานการผลิต ระบบการควบคุมการผลิตที่ได้รับการรับรองจากองค์กรภายในประเทศ หรือ ระดับนานาชาติไหม เช่น อย. GMP HACCP ถ้าเป็นกลุ่มลูกค้าอิสลาม ก็ต้องมี HALAL ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่คุณต้องดู เพื่อให้สามารถเลือกโรงงาน OEM ที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานมากที่สุด
4. เลือกสูตรที่มีคุณภาพจากโรงงาน
ปกติ โรงงาน OEM มักจะมีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งอาหารเสริม เครื่องสำอาง ที่เป็นสูตรคิดค้นสำเร็จ พร้อมผลิตและจำหน่ายอยู่แล้ว ดังนั้น หากโรงงานที่คุณเลือก มีผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับตัวเลือกในใจ และเมื่อดูสูตรส่วนผสม สรรพคุณต่าง ๆ ก็ดูดีมีมาตรฐาน คุณก็อาจตัดสินใจเลือกใช้สูตรของทางโรงงานเลยก็ได้ เพราะโรงงานที่มีคุณภาพ มักจะมีการรีเสิร์ช ทดสอบผลิตภัณฑ์มาก่อนแล้ว ซึ่งจะทำให้สามารถยื่นจดทะเบียนกับทาง อย. ได้เลย ใช้เวลา 3-6 เดือน อย่างไรก็ตาม หากคุณมีสูตรของตัวเองที่ต้องการสั่งผลิต ก็สามารถสั่งโรงงานให้ผลิตให้ได้ แต่ก็ต้องแลกกับเวลาคิดค้นสูตร ช่วงเวลาที่ต้องทดสอบผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจจะทำให้เสียเวลาในการเริ่มต้นธุรกิจ
5. ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สวยงาม
เมื่อเลือกสูตรได้แล้วก็มาถึงการเลือก บรรจุภัณฑ์ โดยเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะช่วยเพิ่มมูลค่าและความสวยงาม ให้กับผลิตภัณฑ์ของคุณ อีกทั้งยังช่วยเก็บรักษาสิ่งของภายใน ให้คงประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งาน ดังนั้น หากทางโรงงาน รับออกแบบบรรจุภัณฑ์ด้วย หรือมีบรรจุภัณฑ์ให้เรียบร้อยแล้ว ก็อาจเลือกใช้แบบสำเร็จรูปนั้นได้เลย
แต่ถ้าเกิดไม่พอใจ อยากออกแบบด้วยตัวเอง ก็เริ่มจากการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ก่อน เช่น อาหารเสริม ควรใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นวัสดุฟู้ดเกรด ส่วนครีม เครื่องสำอาง บางชนิดเป็นเนื้อครีม บางชนิดเป็นน้ำ หรือ ผงแป้ง ผงสีต่าง ๆ ก็อาจต้องเลือกว่า จะใส่แบบเป็นกระปุก ขวด หลอดบีบ หรือ พาเลท แบบไหนดีกว่ากัน จากนั้น จึงเริ่ม สร้างแบรนด์ โลโก้ เริ่มทำฉลาก เลือกใช้สีสันและ Fonts ตัวอักษร ให้เหมาะสมกับภาพลักษณ์ของแบรนด์
โดยหากตัดสินใจไม่ได้ อาจพิจารณาจากผลิตภัณฑ์แบรนด์ต่าง ๆ ที่อยู่ในท้องตลาดมาก่อนว่า เขาเลือกบรรจุภัณฑ์แบบไหนมาใช้ ออกแบบอย่างไร เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ที่สำคัญ ต้องมีพื้นที่สำหรับบอกรายละเอียดข้อมูลส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ด้วย เพื่อให้ถูกต้องตามที่ อย. กำหนด
6. วางแผนการตลาด
หลังจากเลือกผลิตภัณฑ์ได้แล้ว จนพร้อมสำหรับการผลิตและจำหน่าย ก็ถึงเวลาวางแผนทางการตลาด ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ โดยสิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงก็คือ สินค้าของคุณแก้ไขปัญหาอะไรให้กับผู้คน เพื่อที่ว่าจะได้สร้างเป็นจุดเด่นของแบรนด์ และสร้างความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ต่อจากนั้น จึงเริ่มวางแผนทำโฆษณา ผ่านช่องทางทางต่าง ๆ โดยเฉพาะในโซเชี่ยลมีเดีย เพื่อให้เริ่มเป็นที่รู้จัก ไม่ว่าจะเป็นใน Facebook Instagram Tiktok แล้วจึงเริ่มกำหนดช่องทางการวางจำหน่ายในลำดับถัดไป
โดยสิ่งที่จะทำให้คนรู้สึกเชื่อถือในแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเครื่องสำอางมากที่สุด ก็คือ รีวิว ดังนั้น คุณจึงอาจต้องจ้าง Influencer หรือไม่ก็ทำคลิปรีวิวผลลัพธ์หลังการใช้ออกมาด้วย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และทำให้ผู้คนรู้สึกอยากซื้อผลิตภัณฑ์กับคุณ อย่างไรก็ตาม หากโรงงาน OEM นั้น มีทีมการตลาดอยู่ด้วย ก็อาจปรึกษาหรือให้ฝ่ายการตลาดนั้น ทำหน้าที่ในจุดนี้ได้เลย โดยคุณอาจเข้าไปช่วยบรีฟเบื้องต้น เพื่อให้ทีมการตลาดของโรงงานทำออกมา ในทิศทางที่คุณต้องการ
7. ผลิตและส่งสินค้าให้ทันตามความต้องการ
เมื่อแบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จัก และมีออร์เดอร์เข้ามา สิ่งสำคัญที่จะทำให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถืออีก 1 ปัจจัย ก็คือ การส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าโดยเร็วที่สุด ดังนั้น คุณจึงควรประสานงานกับทางโรงงานให้ผลิตและส่งสินค้าให้ทันตามความต้องการโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ขาดตอน และถูกลูกค้าบ่น จนเสียเครดิตได้ ทั้งนี้ คุณควรกำชับทางโรงงานด้วยว่า ขั้นตอนการผลิตในโรงงานควรจะต้องทำอย่างเปิดเผยและมีการควบคุมมาตรฐานทางการผลิตตลอดเวลา เผื่อว่าคนจากสำนักคณะกรรมการอาหารและยา หรือ องค์กรอื่น ๆ เข้ามาตรวจสอบ จะได้พร้อมให้ข้อมูลและแสดงถึงความโปร่งใสในการผลิตได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อชื่อเสียงแบรนด์ของคุณ
8. สร้างบริการก่อน-หลังการขายให้น่าประทับใจ
การสร้างแบรนด์อาหารเสริม เครื่องสำอาง ให้อยู่ในใจลูกค้า ไม่ใช่แค่ขายแล้วจบ แต่จะต้องมีบริการก่อน-หลังการขายที่น่าประทับใจด้วย ลูกค้าถึงจะจดจำ กลับมาซื้อซ้ำและช่วยบอกกันปากต่อปาก ตั้งแต่ก่อนการขายก็คือ การตอบแชทไว การพูดคุยให้ข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์อย่างสุภาพ ตลอดจนการจัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม บัตรมูลค่าส่วนลด กิจกรรมเล่นเกมรับของรางวัล ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า แบรนด์มีความใส่ใจ และทำให้รู้สึกประทับใจตั้งแต่การซื้อขายครั้งแรก ซึ่งยิ่งผลิตภัณฑ์ดี ใช้แล้วได้ผลลัพธ์จริง ก็มีโอกาสสูงที่จะทำให้ลูกค้านั้น เกิด Loyalty ต่อแบรนด์ จนกลายเป็นลูกค้าขาประจำของเราก็ได้
9. รักษามาตรฐานการผลิต
บ่อยครั้ง เรามักจะเห็นว่า เมื่อแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ก็มักจะมีการลดทอนมาตรฐานในการผลิตลง เพื่อให้สามารถผลิตได้เยอะ ๆ ให้ทันกับความต้องการ หรืออาศัยความเชื่อใจ และ Loyalty ของลูกค้าเป็นหลัก จนเพิกเฉยต่อการรักษามาตรฐานผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้หลายแบรนด์มักตกม้าตายและล้มหายตายจากไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น หากคุณอยากเป็นตัวจริงในธุรกิจอาหารเสริมและเครื่องสำอางแล้วละก็ ขอแนะนำให้รักษามาตรฐานการผลิตไว้ให้ได้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาชื่อเสียงแบรนด์ของคุณให้คงอยู่ และ สร้างแบรนด์ ของคุณให้อยู่ในวงการนี้ได้อย่างยาวนาน
ส่วนใครที่อยากร่วมสร้างแบรนด์ กับ SGECHEM ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริม หรือ เครื่องสำอาง สามารถติดต่อเข้ามาได้เลย เพราะเราเป็นโรงงาน OEM ที่ รับผลิตเครื่องสำอาง ผลิตอาหารเสริมและรับผลิตครีมครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ไปจนถึงการออกแบบ สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ และมีบริการจดทะเบียน อย. ให้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเครื่องสำอางของคุณถูกต้องตามกฏหมาย สามารถวางขายแข่งขันทางการตลาดได้อย่างสบายหายห่วง หากสนใจสามารถติดต่อเราทางโทรศัพท์ หรือ Line ของเราได้เลยที่ Line: @sgechem หรือโทรด่วน 065-914-6247
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
