สาหร่ายแดง เป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ ที่มักถูกนำมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เพราะสามารถต่อต้านสารอนุมูลอิสระได้ดี จึงช่วยลดอาการเสื่อมของส่วนต่าง ๆ ในร่างกายได้ และยังมีส่วนช่วยฟื้นฟูบำรุงผิว ทำให้ผิวสวย ดูชุ่มชื้น อ่อนก่อนวัย
ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว ทำให้กลายเป็นส่วนผสมในอาหารเสริมยอดนิยมอย่างหนึ่ง ทั้งในไทยและต่างประเทศ หากใครอยากรู้ว่า จะได้อะไรจากการรับประทานสาหร่ายชนิดนี้บ้าง SGECHEM มีคำตอบ พร้อมพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ สาหร่ายแดง ให้มากขึ้นสารบัญ
สาหร่ายแดง คืออะไร?
สาหร่ายแดง เป็นสาหร่ายชนิดหนึ่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า ฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส (Haematococcus pluvialis) มีถิ่นกำเนิดในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย เช่น ประเทศสวีเดน ความพิเศษของมันที่เหนือกว่าสาหร่ายอื่น ๆ คือ เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ขาดอาหารและน้ำ เผชิญกับแสงแดด ความร้อนหรือความหนาวเย็นที่มากเกินปกติ จะปรับกลไกการทำงานของเซลล์ให้ผลิตสารสีแดง ซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีชื่อว่า “แอสตาแซนธิน” ขึ้นมาเก็บสะสมไว้ เป็นเสมือนเกราะที่ทำหน้าที่ปกป้องนิวเคลียสของเซลล์จากภาวะขาดน้ำและอาหารที่เกิดขึ้น ทำให้มันสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้ แม้จะอยู่ในสภาวะขาดน้ำและอาหารนานถึงกว่า 20 ปี
ด้วยคุณสมบัตินี้เอง ทำให้สาหร่ายแดงกลายเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง และมีการนำสารแอสตาเธชินจากสาหร่ายแดง มาใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์และแวดวงอาหารเสริมกันอย่างกว้างขวางจนถึงปัจจุบัน
แอสตาเเซนธิน ในสาหร่ายแดง มีประโยชน์อย่างไร
แอสตาแซนธิน ในสาหร่ายแดง จัดเป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (carotenoid) มีประโยชน์มากในฐานะสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ถึงกับมีฉายาว่าเป็นราชาในสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ เพราะมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าสารชนิดอื่น ๆ เช่น สูงกว่า โคเอนไซม์ คิวเทน 800 เท่า คาทีซิน (สารสกัดจากชาเขียว) 560 เท่า วิตามิน C 6,000 เท่า วิตามิน E 550 เท่า และเบต้าแคโรทีน 40 เท่า
นั่นจึงทำให้ แอสตาแซนธิน ถูกนำไปใช้ในงานวิจัยมากมาย เพื่อใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพของมนุษย์ โดยเบื้องต้นพบว่าสามารถรักษาโรคและอาการต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ป้องกันการอักเสบของกล้ามเนื้อ จากการออกกำลังกาย ป้องกันและเสริมความแข็งแกร่งให้กับไขข้อกระดูก รักษาอาการอ่อนล้าของดวงตา ตลอดจนเสริมสมรรถภาพของเชื้ออสุจิให้แข็งแรง โดยงานวิจัยต่าง ๆ แม้จะมีผลการทดลองออกมาอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีจำนวนน้อย ยังคงเห็นผลได้ไม่แน่ชัด จึงยังคงต้องทำการศึกษาและทดลองต่อไป เพื่อยืนยันผลงานวิจัย ให้มีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น
สาหร่ายแดง กับประโยชน์ในการบำรุงผิว
เมื่อศึกษาถึงประโยชน์ในการรักษาโรคและอาการต่าง ๆ ก็มาถึงการศึกษาค้นคว้า ในการนำสาหร่ายแดง มาใช้ในการบำรุงผิวกันบ้าง ซึ่งเมื่อสกัดเอาสารแอสตาแซนธินมาใช้งาน พบว่า สามารถช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวได้ในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย
จากงานวิจัยต่างประเทศ 2 ครั้ง ในปี 2002 และ 2006 ในกลุ่มทดลองผู้หญิง ที่มีอายุระหว่าง 40 และ 47 ปี พบว่า เมื่อให้กลุ่มทดลองอายุ 40 ปี รับประทานแอสตาแซนธิน 2 มิลลิกรัมคู่กับวิตามินอี 40 มิลลิกรัม ทุกวัน เป็นเวลา 4 สัปดาห์ กับกลุ่มอายุ 47 ปี รับประทานแอสตาแซนธิน 2 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 6 สัปดาห์ ผลลัพธ์ที่ได้คือ พวกเธอต่างรู้สึกว่าสุขภาพผิวดีขึ้น ความแห้งและหยาบกระด้างของผิวลดลง ผิวมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่นมากขึ้น ริ้วรอยบนใบหน้าก็ดูลดลง นั่นจึงแสดงว่า แอสตาแซนธินมีประสิทธิภาพในการบำรุงผิว ไม่ว่าจะกินเดี่ยว หรือ กินคู่กับวิตามินที่มีฤทธิ์ในการบำรุงผิวเช่นเดียวกันก็ตาม
- ปกป้องผิวจากแสงแดด
รังสี UV ในแสงแดด คือตัวการหนึ่งที่ทำให้ผิวหนังของเราแห้งเสีย และทำให้เซลล์ผิวเสื่อมไว ในปี 2010 จึงมีการศึกษาผลของแอสตาแซนธินต่อฤทธิ์ในการปกป้องรังสียูวีเอ (UVA) โดยใช้การเลี้ยงไฟโบรบลาสท์ (fibroblast) ในเซลล์ผิวหนังมนุษย์ แล้วนำไฟโบรบลาสท์ไปผ่านรังสียูวีเอที่มีความเข้มข้น 10 J/cm2 เป็นเวลา 6-24 ชั่วโมง และใช้แอสตาแซนธินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ พบว่าแอสตาแซนธินสามารถช่วยยับยั้งผลของรังสียูวีเอที่ทำให้เกิดการออกซิไดซ์ จึงกล่าวได้ว่าแอสตาแซนธินสามารถต้านรังสียูวีเอ ที่มีผลทำให้เกิดการเสื่อมของเซลล์ผิว ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ป้องกันการเกิดรอยเหี่ยวย่นและริ้วรอยได้
ข้อควรระวังในการรับประทานสาหร่ายแดง
จากงานวิจัยต่าง ๆ ที่ค้นพบถึงประโยชน์ของสาหร่ายแดง ทำให้มันมักถูกนำมาผลิตในรูปแบบของอาหารเสริม จนหารับประทานได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะในรูปของสาหร่ายแดงเองเลย หรือนำมาสกัดในรูปแบบของสารแอสตาแซนธินเข้มข้น อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังในการรับประทานบางอย่าง เช่น
- รับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน ควรบริโภคเพื่อให้ได้รับ แอสตาแซนธิน ประมาณ 4 – 12 มิลลิกรัม หากรับประทานมากเกินไป จนได้รับวันละ 48 มิลลิกรัมทุกวัน อาจจะทำให้มีอุจจาระสีแดงได้
- บริโภคอาหารที่มีไขมันควบคู่ไปด้วย
เพราะแอสตาแซนธินในสาหร่ายแดง จัดเป็นสารแคโรทีนอยด์ที่ละลายได้ดีในน้ำมัน จึงควรมีการบริโภคอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันด้วย เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดียิ่งขึ้น
- ห้ามสตรีมีครรภ์ และผู้ที่มีโรคบางชนิดรับประทาน
ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของ Astaxanthin ในสตรีตั้งครรภ์หรือสตรีที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีผลการวิจัยรับรอง ถึงการนำไปใช้อย่างปลอดภัย รวมถึงผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ภาวะกระดูกพรุน แคลเซียมต่ำ ภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์ผิดปกติ ฮอร์โมนผิดปกติ หรือภาวะความดันโลหิตผิดปกติ ด้วย
สำหรับใครที่สนใจอยากผลิตอาหารเสริม ที่มีส่วนผสมของ สาหร่ายแดง สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ SGECHEM เพราะเราเป็นโรงงาน OEM ที่ผลิตเครื่องสำอางครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ไปจนถึงการออกแบบ สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ และมีบริการจดทะเบียน อย. ให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของคุณถูกต้องตามกฏหมาย สามารถวางขายแข่งขันทางการตลาดได้อย่างสบายหายห่วง หากสนใจสามารถคลิกลิ้งก์เว็บไชต์ที่ https://sgechem.com/ หรือติดต่อทางโทรศัพท์ หรือ Line ของเราได้เลย
Leave A Comment