ออกแบบบรรจุภัณฑ์ ยังไงให้ครีมและเครื่องสำอางของเราโดดเด่น สวยงาม จนลูกค้าต้องหยุดมอง เพราะนอกจากสรรพคุณต้องดีแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกผลิตภัณฑ์ก็ถือว่าสำคัญ เนื่องจากช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในสายตาผู้บริโภคได้

1. เริ่มจากเลือกชนิดของบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสม

ก่อนจะไปถึงขั้นตอนการออกแบบ ควรเลือกชนิดของบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์เสียก่อน เพราะครีม เครื่องสำอาง สามารถแบ่งแยกย่อยออกมาได้มากมาย บางชนิดเป็นเนื้อครีม บางชนิดเป็นน้ำ หรือ ผงแป้ง ผงสีต่าง ๆ  จึงต้องเลือกว่า จะใส่แบบเป็นกระปุก ขวด หลอดบีบ หรือ พาเลท แบบไหนดีกว่ากัน ซึ่งหากใครยังเป็นมือใหม่ อาจพิจารณาจากผลิตภัณฑ์แบรนด์ต่าง ๆ ที่อยู่ในท้องตลาดมาก่อนว่า เขาเลือกบรรจุภัณฑ์แบบไหนมาบรรจุ เพื่อเป็นแนวทางให้เราเลือกบรรจุภัณฑ์ครีมและเครื่องสำอาง มาใช้ได้อย่างเหมาะสม

2. ใส่รูปส่วนผสมหลักลงในบรรจุภัณฑ์

ครีมและเครื่องสำอาง โดยเฉพาะกลุ่มที่บำรุงผิว เช่น ครีมผิวขาว เซรั่ม มอยส์เจอร์ไรเซอร์ มักมีส่วนผสมหลัก มาจากกรดและวิตามินจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน A C E ซึ่งล้วนพบเจอได้ในผลไม้เช่น แคนตาลูป แครอท ส้ม แครนเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ รวมถึงอาหารและสารสกัดจากวัตถุดิบธรรมชาติอื่น ๆ ดังนั้น อาจใส่รูปส่วนผสมหลักเหล่านี้ เป็นจุดเด่นหลักบนผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภครู้ว่า ครีมและเครื่องสำอางนั้น มีส่วนผสมจากวัตถุดิบธรรมชาตินั้น ๆ ซึ่งพอใช้แล้วจะไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง แพ้ง่าย ใช้งานได้ปลอดภัยและบำรุงผิวได้จริง นอกจากนี้ ยังใช้เป็นจุดขาย เพื่อประกอบการสร้างโฆษณา ทำการตลาด สร้าง awareness ให้ลูกค้ารับรู้ในวงกว้างได้อีกด้วย

3. ใช้ Fonts ตัวอักษร ให้เหมาะกับบุคลิกของแบรนด์

Fonts ตัวอักษร สำคัญมากบนบรรจุภัณฑ์ เพราะเป็นส่วนที่บอกรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ชื่อแบรนด์ สรรพคุณ จุดขาย และรายละเอียดส่วนผสมต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงอัตลักษณ์ของแบรนด์ ว่ามีตัวตน ภาพลักษณ์และมูลค่าในระดับไหน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของกลุ่มลูกค้าที่แบรนด์ต้องการ รวมถึงนิสัยและบุคลิกภาพของเจ้าของแบรนด์เองด้วย

จุดนี้เอง จึงอาจต้องไปทบทวนมาก่อนว่า กลุ่มลูกค้าของเรานั้น คือใคร เป็นกลุ่มวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา หรือวัยทำงาน วัยผู้ใหญ่ที่มีกำลังซื้อเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถกำหนดทิศทางในการใช้ Fonts ได้ถูก ว่าควรใช้แบบที่มีลูกเล่น เป็นกันเอง หรือ แบบหรูหรา มีมูลค่า มากกว่ากัน โดยอาจลองทำในโปรแกรมดูก่อน เพื่อลองดูว่า เมื่อวางลงบนผลิตภัณฑ์แล้ว หน้าตาจะออกมาแบบไหน ตัวเล็ก ใหญ่ อ่านถนัดหรือไม่ เพราะโดยส่วนใหญ่ บรรจุภัณฑ์ครีมและเครื่องสำอาง มักมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก จึงต้องระมัดระวังในจุดนี้ด้วย

4. ออกแบบสีสันให้สวยงาม

สีสัน ช่วยดึงดูดและกระตุ้นคนให้สนใจในวัตถุสิ่งของ จึงจะเห็นได้ว่า ผลิตภัณฑ์ครีมและเครื่องสำอางส่วนใหญ่ มักมีการ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ ให้มีสีสันฉูดฉาด ดูสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีส้ม สีชมพู ฯลฯ ซึ่งคุณอาจจะใช้สีโทนเดียวกันนี้ก็ได้ แต่ถ้าอยากให้คนจดจำแบรนด์และผลิตภัณฑ์คุณได้ดีขึ้นด้วย อาจจะต้องกำหนดสีประจำคาแรกเตอร์ของแบรนด์ขึ้นมา เพื่อให้ทุกบรรจุภัณฑ์ของคุณ ออกแบบภายใต้สีสัน ที่ล้อกันไปตามธีมสีที่คุณกำหนด เท่านี้ ก็จะทำให้คุณใช้สีสันในการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่อไปได้ง่ายขึ้น และยังสร้างภาพจำให้กับแบรนด์ของตัวเองไปในตัว โดยตัวอย่างแบรนด์ความงามและเครื่องสำอางที่ใช้สีเป็นวิธีการสร้างแบรนด์ ได้แก่ สีม่วง : Urban Decay สีดำ – สีขาว : Make Up Forever และสีชมพู : Too Faced นั่นเอง

5. ต้องมีบอกรายละเอียดส่วนผสมครบถ้วน

ไม่ว่าจะบรรจุภัณฑ์จะผ่านการออกแบบ จนมีสีสันสวยงาม ดูแพงขนาดไหน แต่หากปราศจากรายละเอียดข้อมูลของผลิตภัณฑ์ที่ครบถ้วน ตามที่ อย. กำหนดแล้วละก็ ก็ไม่สามารถวางขายได้ ดังนั้น อย่าลืมมีที่ว่างให้กับข้อมูลส่วนนี้ด้วย เพื่อให้ไม่มีปัญหาตามมา และขอขึ้นทะเบียนได้อย่างผ่านฉลุย โดยรายละเอียดที่ควรมีบนบรรจุภัณฑ์ ครีม เครื่องสำอาง ได้แก่

• ชื่อผลิตภัณฑ์
• โลโก้แบรนด์
• ประเภทผลิตภัณฑ์
• วิธีใช้
• ส่วนประกอบ
• ขนาดบรรจุ
• ผู้ผลิต
• ผู้จัดจำหน่าย
• เลขที่ใบรับแจ้ง
• วันหมดอายุ
• คำเตือน
• เครื่องหมาย สัญลักษณ์ต่าง ๆ เช่น ไม่ทำการทำลองกับสัตว์

แต่ถ้าอยากเป็นเจ้าของครีมและเครื่องสำอาง และประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องเสียแรง ออกแบบบรรจุภัณฑ์ ด้วยตัวเอง สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ SGECHEM เพราะเราเป็นโรงงาน OEM ที่รับผลิตอาหารเสริมและ รับเครื่องสำอาง ครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ไปจนถึงการออกแบบ สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ และมีบริการจดทะเบียน อย. ให้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเครื่องสำอางของคุณถูกต้องตามกฏหมาย สามารถวางขายแข่งขันทางการตลาดได้อย่างสบายหายห่วง หากสนใจสามารถติดต่อเราทางโทรศัพท์ หรือ Line ของเราได้เลยที่ Line: @sgechem หรือโทรด่วน 065-914-6247