แคลเซียมแอลทรีโอเนต เป็นชนิดของแคลเซียมรูปแบบหนึ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นในอาหารเสริม เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ง่าย ทำให้แบรนด์อาหารเสริมแคลเซียมในปัจจุบัน เริ่มนำมาเป็นส่วนผสมแทนแคลเซียมชนิดอื่น ๆ

แล้วมันมีความแตกต่างจากแคลเซียมอื่น ๆ อย่างไร ทำไมถึงตอบโจทย์เรื่อง การเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกได้มากที่สุด SGECHEM มีคำตอบ พร้อมพาคุณไปทำความรู้จัก แคลเซียมแอลทรีโอเนต ให้ดีมากขึ้น

แคลเซียมแอลทรีโอเนต คือ?

แคลเซียมแอลทรีโอเนต

เนื่องจากงานวิจัย พบว่า แคลเซียมในรูปแบบอาหารเสริมในท้องตลาด ซึ่งมีอยู่ 2 แบบนั้นคือ แคลเซียมคาร์บอเนต และแคลเซียมซิเตรท เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว ร่างกายดูดซึมได้น้อย และยังส่งผลข้างเคียง ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ  เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาจเกิดการตกค้าง เป็นหินปูนที่ไปเกาะตามอวัยวะภายในร่างกาย จนทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมา เช่น โรคนิ่วในไต หินปูนในปอด หินปูนในต่อมลูกหมาก ฯลฯ

นั่นจึงทำให้มีการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม เพื่อหาวิธีสกัดแคลเซียมแบบใหม่ ที่จะทำให้ร่างกายดูดซึมได้มากขึ้น จนกลายเป็นที่มาของ แคลเซียมแอลทรีโอเนต โดยแคลเซียมแอลทรีโอเนต เป็นแคลเซียมที่สกัดมาจากข้าวโพด ใช้เทคโนโลยีเดียวกับการสกัดวิตามิน C จากข้าวโพด ทำให้มีความสามารถในการละลายน้ำได้เป็นอย่างดี และสามารถดูดซึมได้ดีกว่าแคลเซียมคาร์บอเนตถึง 9 เท่า จึงทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้มากกว่า 95 – 100% เลยทีเดียว ส่งผลให้ช่วยเสริมสร้างกระดูกได้โดยตรง และไม่ก่อให้เกิดการตกค้างในร่างกาย ที่สำคัญ ยังสามารถรับประทานเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ส่งผลเสียต่อการดูดซึมแต่อย่างใด ถือว่าเป็นแคลเซียมที่ดีที่สุดที่คนทั่วไปควรรับประทาน

ข้อดีของแคลเซียมแอลทรีโอเนต

แคลเซียม

1. ร่างกายดูดซึมได้ดีกว่า

เมื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของร่างกายในการดูดซึมแคลเซียม ที่มีอยู่ในอาหารเสริมแคลเซียมทั่วไป แคลเซียมแอลทรีโอเนตจะถูกดูดซึมได้ถึง 90 – 100% ในขณะที่แคลเซียมคาร์บอเนต ร่างกายดูดซึมได้เพียง 10 – 20% และ แคลเซียมซิเตรท อยู่ที่ 50 % เท่านั้น แคลเซียมแอลทรีโอเนต จึงเป็นชนิดของแคลเซียม ที่ร่างกายดูดซึมได้ดีที่สุด

2. ทานเมื่อไหร่ก็ได้

ปกติแล้ว ร่างกายคนเราจะดูดซึมแคลเซียมได้ดี ก็ต่อเมื่อมีวิตามิน D เพียงพอ ที่จะช่วยทำให้กระเพาะของเรามีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ อยู่ในสภาวะที่พร้อมดูดซึมแคลเซียม อย่างไรก็ตาม ด้วยแคลเซียมแอลทรีโอเนต มีความสามารถในการ passive transport หรือ การดูดซึมด้วยตัวเอง โดยซึมผ่านระหว่างเซลล์ แบบไม่ต้องใช้กระบวนการดูดซึมของร่างกาย ต่อให้ร่างกายขาดวิตามิน D หรือ ฟอสฟอรัส แคลเซียมแอลทรีโอเนตก็ยังสามารถดูดซึมตัวเองเข้าสู่ร่างกายของเราได้ จึงทำให้สามารถทานได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงแต่อย่างใด

3. ไม่ตกค้างหรือก่อให้เกิดผลข้างเคียง

แคลเซียมแอลทรีโอเนต ร่างกายดูดซึมได้เกือบทั้งหมด ทำให้โอกาสที่จะเกิดแคลเซียมตกค้างในร่างกายน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย จึงไม่ก่อให้เกิดอาการหรือผลข้างเคียงใด ๆ หลังรับประทาน ไม่ว่าเป็นอาการท้องอืด ท้องเสีย หรือตกค้างเป็นหินปูนเกาะตามอวัยวะภายในต่าง ๆ ทำให้สามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย หายห่วง

ประโยชน์จากการทานแคลเซียมแอลทรีโอเนต

แคลเซียม

1. รักษาโรคกระดูกพรุน

ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน มักต้องการแคลเซียมต่อวัน เข้าไปเสริมในปริมาณมาก ๆ เพื่อทดแทนแคลเซียมในกระดูกที่ขาดหายไป ซึ่งแคลเซียมแอลทรีโอเนต ถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ เนื่องจากร่างกายดูดซึมได้ทั้งหมด จึงทำให้กระดูกได้รับแคลเซียมแบบครบถ้วน ช่วยทำให้อาการดีขึ้นได้ โดยไม่ต้องใช้เวลาในการรักษานานนัก

2. ช่วยป้องกันโรคไขข้อเสื่อม

นอกจากเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้น แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต ยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนในกระดูก และกระดูกอ่อน รวมทั้งสร้างน้ำไขข้อ ทำให้ไขข้อตามส่วนต่าง ๆ มีความยืดหยุ่น สามารถเคลื่อนไหวได้กระฉับกระเฉงมากขึ้น

3. บำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง

ใครที่ไม่มีปัญหาเรื่องโรคเกี่ยวกับกระดูก แต่อยากทานแคลเซียมแอลทรีโอเนตเป็นอาหารเสริม โดยเฉพาะคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่ความสามารถในการดูดซึมแคลเซียมของร่างกายเริ่มลดลงแล้ว แคลเซียมที่ได้รับ ก็จะเข้าไปช่วยบำรุงกระดูกและฟันของเราให้แข็งแรงมากขึ้น รวมทั้งยังช่วยป้องกันโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน โรคไขข้อเสื่อมอีกด้วย

ทาน แคลเซียมแอลทรีโอเนต อย่างไรให้ได้ผล

แคลเซียมแอลทรีโอเนต

1. ทานในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวัน

ถึงแม้แคลเซียมแอลทรีโอเนต ร่างกายจะดูดซึมได้ทั้งหมดก็จริง แต่หากทานในปริมาณที่มากเกินไป ร่างกายก็อาจจะดูดซึมไม่ไหว และอาจตกค้างได้เหมือนกัน จึงควรทานในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวันเท่านั้น โดยปริมาณแคลเซียมที่ควรได้รับในแต่ละวัน ของคนแต่ละช่วงวัยคือ

  • คนอายุน้อยกว่า 30 ปี : 800 มิลลิกรัม
  • คนช่วงอายุ 30 – 50 ปี : 1,000 มิลลิกรัม
  • คนช่วงอายุ 50 ปี ขึ้นไป : 1,200 มิลลิกรัม (รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ด้วย)

2. ไม่ทานอาหารที่มีออกซาเลตสูง

ออกซาเลต เป็นสารชนิดหนึ่งที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแคลเซียม ซึ่งรวมถึงแคลเซียมแอลทรีโอเนตด้วย ดังนั้น เมื่อทานอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของแคลเซียม จึงไม่ควรทานอาหารที่มีออกซาเลตสูง เช่น ใบยอ ผักคะน้า เยอะ เนื่องจากอาจมีปริมาณออกซาเลตสูงในร่างกาย จนเข้าไปขัดขวางกระบวนการดูดซึมแคลเซียมได้

3. ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์

แอลกอฮอล์ล เมื่อเข้าสู่กระแสเลือด จะเข้าไปขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมที่ลำไส้ และยังทำให้แคลเซียมถูกขับผ่านปัสสาวะไปด้วย นอกจากนี้ ยังส่งผลให้มวลกระดูกในร่างกายลดลง ซึ่งถ้าไม่อยากให้อาหารเสริม แคลเซียมแสนแพง ที่ทานเข้าไป ต้องละลายไปอย่างไร้ประโยชน์ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ล ระหว่างทานอาหารเสริมแคลเซียม

4. ลดดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม มีฟอสฟอรัสสูง ทำให้มวลกระดูกลดลง และทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ คล้ายกับเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์  ระหว่างทานอาหารเสริม แคลเซียม จึงควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนด้วย

แคลเซียมแอลทรีโอเนต เป็นแคลเซียมที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีที่สุด จึงมีประโยชน์มากกว่าแคลเซียมในรูปแบบอื่น ๆ ดังนั้น หากใครคิดจะทานอาหารเสริมแคลเซียม ก็ขอแนะนำให้เลือกซื้อแคลเซียมชนิดนี้มารับประทาน เพื่อช่วยบำรุงกระดูกในร่างกายให้แข็งแรงได้ตามที่ตนเองคาดหวัง

สำหรับใครที่สนใจ อยากผลิต อาหารเสริมแคลเซียม ที่มีส่วนผสมของ แคลเซียมแอลทรีโอเนต สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ SGECHEM เพราะเราเป็นโรงงาน OEM ที่ผลิตเครื่องสำอางครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ไปจนถึงการออกแบบ สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ และมีบริการจดทะเบียน อย. ให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของคุณถูกต้องตามกฏหมาย สามารถวางขายแข่งขันทางการตลาดได้อย่างสบายหายห่วง หากสนใจสามารถคลิกลิ้งก์เว็บไชต์ที่ https://sgechem.com/ หรือติดต่อทางโทรศัพท์ หรือ Line ของเราได้เลย

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ