เมล็ดแฟล็กซ์ กำลังกลายมาเป็นเทรด์อาหารเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากช่วยบำรุงกำลังวังชา รวมถึงรักษาโรคได้หลายชนิด เป็นวัตถุดิบที่ถูกนำมาทำอาหารเพื่อสุขภาพ จนเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย

หากใครยังไม่รู้ว่า เมล็ดแฟล็กซ์ คืออะไร มีสรรพคุณอะไร ถึงกลายเป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ที่นิยมกันมากในปัจจุบันแล้วละก็ SGECHEM จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับเมล็ดแฟล็กซ์ พร้อมคุณค่าของมันที่คุณอาจคาดไม่ถึง

เมล็ดแฟล็กซ์ มาจากไหน

เมล็ดแฟล็กซ์

เมล็ดแฟล็กซ์ (Flax seed) คือ เมล็ดของต้นปอป่าน ซึ่งเป็นพืชที่เติบโตได้ดี ในประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตอบอุ่นของโลก ลักษณะเป็นพืชล้มลุก สูงประมาณ 120 เซนติเมตร ลำต้นเรียว ใบเป็นสีเขียวปลายแหลม ส่วนดอกมีสีฟ้า 5 กลีบ ผลเป็นทรงกลมสีน้ำตาล ภายในมีเมล็ดคล้ายเมล็ดแอปเปิ้ล ยาว 4-7 มิลลิเมตร

เดิมนั้น พืชชนิดนี้ มักถูกนำมาใช้ประโยชน์ โดยการนำเส้นใยของลำต้น มาใช้ในการทอผ้า เมื่อถูกถักทอออกมา ก็คือ ผ้าลินิน แบบที่เรารู้จักกันนั่นเอง ซึ่งจะมีคุณลักษณะเนื้อผ้าโปร่ง ระบายอากาศได้ดี โดยหลักฐานทางโบราณคดี ที่พบในถ้ำ Dzudzuana Cave ประเทศจอร์เจีย พบว่ามนุษย์มีการนำเส้นใยลินิน มาใช้ในการทำเสื้อผ้า ตั้งแต่ช่วงปลายยุคหินใหม่ เมื่อ 30,000 ปีก่อนเลย ต่อมายังพบว่า มีการปลูกต้นปอป่าน สำหรับเพื่อผลิตเส้นใยโดยเฉพาะด้วย จากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบใน แหล่งโบราณคดี Tell Ramad ในประเทศซีเรีย และเมืองโบราณชัคตาโฮยุค ในประเทศตุรกี ราว 9,000 ปีก่อน

โดยการปลูกต้นปอป่านเพื่อเก็บเกี่ยวนำเอาเส้นใยมาทอเป็นเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ยังคงพบได้ในอารยธรรมสำคัญของโลกในเวลาต่อมา ไม่ว่าจะเป็น อียิปต์โบราณ ที่ปรากฎจารึกรูปของดอกไม้ของต้นปอป่าน และเส้นใยลินินที่ใช้ทำมัมมี่ บนวิหารศักดิ์สิทธิ์ ในสมัยโรมันก็เช่นกัน แต่เมื่ออาณาจักรโรมันล่มสลาย ก็ดูเหมือนว่า การปลูกต้นลินิน เพื่อทำสิ่งทอนั้น จะหยุดชะงักลงชั่วคราว ก่อนที่จะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง เมื่อทวีปยุโรป เข้าสู่ช่วงยุคกลาง โดยศูนย์กลางการปลูกต้นลินินช่วงนั้น อยู่ที่ แฟลนเดอร์ส ทางตอนเหนือของประเทศเบลเยี่ยม

เมื่อเข้าสู่คริสต์ศตวรรษที่ 20 จากความนิยมการใช้ผ้าคอตตอนที่เพิ่มมากขึ้น เพราะมีราคาถูก และการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ที่เพิ่มมากขึ้น ก็ได้ทำให้ เส้นใยลินิน เริ่มเสื่อมความนิยม และถูกลดความสำคัญในการนำมาทำสิ่งทอมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยเส้นใยที่มีความคงทนมากกว่าคอตตอนถึง 2 -3 เท่า ทำให้เส้นใยลินิน ยังคงถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอกันอยู่ในปัจจุบัน

เมล็ดแฟล็กซ์ กับคุณค่าทางสารอาหาร

เมล็ด แฟลกซ์

พูดถึงประโยชน์ของต้นปอป่านกันไปแล้ว มาพูดถึง เมล็ดแฟล็กซ์ กันบ้าง ซึ่งอยู่ในผลของต้นปอป่าน สำหรับการใช้ประโยชน์จากเมล็ดแฟล็กซ์ พบว่า สามารถสืบย้อนไปได้ถึง เมื่อ 3,000 ปีก่อน โดยชาวบาบิโลน รู้จักนำเมล็ดแฟล็กซ์มาใช้ทำอาหาร โดยจากการศึกษาวิจัย พบว่า เมล็ดแฟล็กซ์มีคุณค่าทางด้านสารอาหารังต่อไปนี้

1. มีกรดไขมันโอเมก้า 3

เมล็ดแฟล็กซ์ พบได้ 2 สี คือ แบบสีเหลือง และ สีน้ำตาล โดยทั้ง 2 สีนั้น พบว่ามีสารอาหารสำคัญคือ กรดไขมัน โอเมก้า 3 ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยบำรุงสมอง สายตา ระบบประสาท รวมถึงเพิ่มความจำ และส่งเสริมไหวพริบให้ดีมากขึ้น โดยหากบดเมล็ดแฟล็กซ์ให้ละเอียด ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ จะพบว่า มีกรดโอเมก้าสูงถึง 1,597 มิลลิกรัม

2. เป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิด

นอกจากกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีประโยชน์ ในเมล็ดแฟล็กซ์บดละเอียด ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ยังมีแหล่งวิตามิน แร่ธาตุอื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 โฟเลต แคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม สามารถให้พลังงานได้ถึง 37 กิโลแคลอรี่ และสารอาหารอย่าง โปรตีน 1.3 กรัม คาร์โบไฮเดรต 2 กรัม

3. มีไฟเบอร์

ไฟเบอร์ เป็นธาตุสำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งไฟเบอร์จากเมล็ดแฟล็กซ์ ประกอบด้วย Soluble Fiber ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ และ Insoluble Fiber ไฟเบอร์ที่ละลายในน้ำไม่ได้ ซึ่งไฟเบอร์ทั้ง 2 ชนิดนี้ จะมีส่วนช่วยสำคัญในการรักษา บรรเทาอาการที่เกิดจากโรคร้ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะช่วยลดคอเลสเตอรอล ปรับระดับน้ำตาลกลูโคสในหลอดเลือด ทำความสะอาดในลำไส้ ช่วยลดอาการท้องผูก ท้องเสียได้

ประโยชน์จากการรับประทานเมล็ดแฟล็กซ์

เมล็ด แฟล็กซ์

ในทวีปยุโรป มีการนำเมล็ดแฟล็กซ์มารับประทานและใช้ทำอาหารกันมาช้านาน ยกตัวอย่าง ประเทศเยอรมัน ที่มีการนำมาเป็นส่วนผสม ทำขนมปังและซีเรียล จนมีการใช้เมล็ดแฟล็กซ์ มากกว่า 60,000 ตันต่อปี นั้นจึงแสดงให้เห็นว่า เมล็ดแฟล็กซ์มีประโยชน์อย่างมากเมื่อรับประทานเข้าไป โดยประโยชน์ที่จะได้รับจากการรับประทาน ได้แก่

1. ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ลดคอเลสเตอรอล

ด้วยมีไฟเบอร์  Soluble Fiber ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ซึ่งจะช่วยลดคอเลสเตอรอล ปรับระดับน้ำตาลกลูโคสในหลอดเลือด ทำให้เมล็ดแฟล็กซ์ มีฤทธิ์ช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ โดยหนังสือ British Journal Of Nutrition ได้รายงานว่า กลุ่มคนที่ทานเมล็ดแฟล็กซ์ ภายใน 4 สัปดาห์ จะสามารถลดน้ำตาลในเลือดได้ถึง 27% ส่วนระดับคอเลสเตอรอลก็ลดถึง 7 % ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดเป็นโรคหัวใจได้อีกด้วย

2. ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง

ในเมล็ดแฟล็กซ์ จะมีสารที่เรียกว่า สารลิกแนน ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในเมล็ดธัญพืชทั่วไป เช่น เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน ถั่ว และผักใบเขียว แต่เมล็ดลินิน เป็นเมล็ดพืชที่สามารถพบสารลิกแนนได้มากกว่าพืชชนิดอื่นถึง 800 เท่า ทำให้มีคุณสมบัติในการขับ Estrogen ส่วนเกินให้ออกจากร่างกาย ซึ่งมักเป็นสาเหตุหลักที่ให้โรคมะเร็งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งมดลูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่

โดยผลการทดลอง พบว่า ผู้หญิงที่รับประทาน เมล็ดแฟล็กซ์ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมลดลง โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน ในขณะที่ผู้ชาย หากรับประทานเมล็ดแฟล็กซ์ 30 กรัมต่อวัน และรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำไปด้วย ก็ลดโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากที่ได้เช่นกัน

3. ลดโอกาสที่จะเกิดโรคเสี่ยงในผู้สูงอายุ

นอกจากรักษาโรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคเบาหวาน ซึ่งมักพบได้ในผู้สูงอายุ เหล่านักวิจัยยังพบว่า สารลิกแนน ยังช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนและโรควัยทองได้อีกด้วย ทั้งยังช่วยบำรุงกระดูกและเนื้อเยื่อให้แข็งแรง

4. รักษาท้องผูก บำรุงระบบลำไส้ให้เป็นปกติ

ไฟเบอร์ Insoluble Fiber จะช่วยทำความสะอาดลำไส้ ทำให้ลำไส้ทำงานได้ดี ขับของเสียออกได้เร็ว จึงช่วยรักษาอาการท้องผูกได้ดี ทั้งนี้ หากลำไส้ของผู้ป่วยคนไหนต้องฉายคีโมธาราปี หรือมีปัญหาทางด้านกระเพาะอาหาร การทานเมล็ดแฟล็กซ์ ก็จะช่วยให้ลำไส้กลับคืนสู่สภาพปกติได้เร็ว และเคลือบผิวของกระเพาะอาหาร ช่วยให้บรรเทาอาการแสบท้องและรักษาโรคกระเพาอาหารได้

5. บำรุงสมอง ระบบประสาท

การรับประทาน เมล็ดแฟล็กซ์ จะช่วยบำรุงสมอง สายตา ระบบประสาท รวมถึงเพิ่มความจำ และส่งเสริมไหวพริบให้ดีมากขึ้น เพราะอุดมไปด้วย กรดโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ นอกจากนี้ ยังช่วยปรับกลุ่มไขมันในร่างกายให้เป็นปกติ และทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย

ควรรับประทานเมล็ดแฟล็กซ์อย่างไร

เมล็ดแฟล็กซ์

ปัจจุบัน เมล็ดแฟล็กซ์ถูกนำมาใช้ทำอาหารเพื่อสุขภาพมากมาย เช่น ขนมปัง ซีเรียล จึงสามารถหาซื้อทานเพื่อบำรุงสุขภาพได้ สำหรับใครที่อยากทานเมล็ดแฟล็กซ์ เพื่อให้ได้รับสารโปรตีนชั้นดี แนะนำให้ทานคู่กับ โยเกิร์ต นมเปรี้ยว หรือคอทเทจชีส จะทำให้ร่างกายได้รับโปรตีนที่ดีมากขึ้น

ส่วนใครที่จะบดเมล็ดแฟล็กซ์ เพื่อใช้ทำอาหารทานเองนั้น แนะนำว่า ไม่ควรบดล่วงหน้าในปริมาณมาก เพราะน้ำมันในเมล็ดแฟล็กซ์อาจทำปฏิกิริยา Oxidation กับอากาศ แสง และความร้อน ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นหืนได้ วึ่งจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย ทางที่ดีอาจหาซื้อแบบสำเร็จรูปมาใช้ น่าจะเหมาะสมและสะดวกกว่า อย่างไรก็ตาม ควรเลือกสินค้าที่บรรจุในถุงฟอยด์สุญญากาศมิดชิด เพราะจะป้องกันอากาศ แสงและความร้อนได้ดี แต่ควรเลือกซื้อแบบที่หมดอายุ ไม่น้อยกว่า 3 เดือน หรือเลือกซื้อแบบบดใหม่จะดีที่สุด ซึ่งเมื่อเปิดห่อใช้งานแล้ว ควรเก็บไว้ในขวดที่ปิดสนิท แช่ตู้เย็น และใช้ให้หมดภายใน 2-4 สัปดาห์

สำหรับใครที่จะใช้น้ำมันเมล็ดแฟล็กซ์ปรุงอาหาร ควรใช้ปรุงอาหารเฉพาะกับอาหารที่ไม่ต้องผ่านความร้อน เช่น น้ำสลัด สำหรับผักสด สลัดมันฝรั่ง สลัดกะหล่ำปลี สลัดปลาแซลม่อน โดยควรเลือกประเภทที่สกัด โดยไม่ผ่านกรรมวิธีความร้อน และไม่ควรเลือกซื้อที่ผ่านการผลิตมาแล้ว มากกว่า 6 เดือน ซึ่งเมื่อซื้อมาใช้ แล้ว ควรใช้ให้หมด ภายใน 3 สัปดาห์ และหลังเปิดขวดแล้ว ให้เก็บไว้ในที่มิดชิด ก็จะทำให้เมล็ดแฟล็กซ์คงคุณค่าทางสารอาหาร และปลอดภัยต่อการบริโภค

เมล็ดแฟลกซ์ ถือว่าเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ ที่มีคุณค่าทางสารอาหารและประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะคุณประโยชน์ในการช่วยบำรุงสุขภาพของผู้สูงอายุให้ดีขึ้น หากทานเป็นอาหารเสริมควบคู่กับการทานอาหารที่มีประโยชน์อื่น ๆ อาจช่วยบำบัดและรักษาโรคต่าง ๆ ได้ รวมถึงส่งเสริมให้ร่างกายแข็งแรงได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากซื้อมารับประทานเป็นอาหารเสริม ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมและควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากเป็นผู้ป่วยที่รับประทานยารักษาโรคบางชนิดอยู่ เพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

สำหรับใครที่อยากนำ เมล็ดแฟลกซ์ มาทำเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม หรือสนใจอยากทำอาหารเสริมจากวัตถุดิบธรรมชาติอื่น ๆ สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ SGECHEM เพราะเราเป็นโรงงาน รับผลิตอาหารเสริม OEM ที่ผลิตอาหารเสริมครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ไปจนถึงการออกแบบ สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ และมีบริการจดทะเบียน อย. ให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของคุณถูกต้องตามกฏหมาย สามารถวางขายแข่งขันทางการตลาดได้อย่างสบายหายห่วง หากสนใจสามารถติดต่อเราได้ทางโทรศัพท์ หรือ Line ของเราได้เลย