วิตามินอี ช่วยบำรุงผิวอย่างไร Skin Care ชนิดใด ควรมี วิตามิน E เป็นส่วนผสม SGECHEM มีคำตอบ พร้อมแนะนำชนิดของวิตามิน E ที่ผู้ประกอบการนิยมนำมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

ทำความรู้จัก วิตามินอี

วิตามินอี

วิตามินอี เป็นวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอานุภาพสูง (Powerful Antioxidant) ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยบำรุงผิว ตลอดจนป้องกันการอักเสบ และ กำจัดสารอนุมูลอิสระ ที่เป็นอันตรายต่อเซลล์และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายได้ดี โดยปกติ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ ชนิดอิ่มตัว (Tocopherol) และ ชนิดไม่อิ่มตัว  (Tocotrienol) สามารถได้รับวิตามินอี จากการรับประทานอาหาร เช่น ถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดทานตะวัน ไข่ ผักใบเขียว ข้าวซ้อมมือ ถั่วเหลือง งา น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน เป็นต้น

วิตามินอี ช่วยบำรุงผิวอย่างไร

วิตามิน E

หากพูดในแง่การบำรุงผิวแล้ว วิตามินอี ถือเป็น 1 ใน วิตามิน ที่ช่วยบำรุงสุขภาพผิวของคนเราได้ดีชนิดหนึ่ง เนื่องจากทำหน้าที่เป็น สารต้านอนุมูลอิสระอานุภาพสูง (Power Antioxidant) ช่วยปกป้องและบำรุงสุขภาพผิวให้ดีอยู่เสมอ โดยการป้องกันแสงแดด และ มลภาวะต่าง ๆ เช่น ฝุ่นควัน ควันบุหรี่ ไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหนัง หรือ เข้าสู่ผิวหนังได้น้อย จึงส่งผลดีต่อผิวหนังของเรา เช่น

  • ชะลอการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า
  • ช่วยให้ผิวหนังดูอ่อนกว่าวัย
  • ป้องกันแสงแดด และ มลภาวะต่าง ๆ เข้าสู่ผิวหนัง
  • ช่วยให้สมานแผลได้เร็วขึ้น

สำหรับคุณสมบัติที่ว่าวิตามินอี ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นนั้น จากงานวิจัยใหม่ พบว่า แม้ส่วนมาก Skin Care ที่มีวิตามิน E เป็นส่วนประกอบ จะบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นได้จริง แต่ก็ไม่พบว่า วิตามิน E มีส่วนช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้นโดยตรงแต่อย่างใด ทำให้การเคลมว่า วิตามิน E มีส่วนช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้นั้น ยังคงต้องรอการศึกษาและวิจัยเพิ่มเติม เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงกันต่อไป

ชนิดของ วิตามิน E ที่นิยมใช้บน Skin Care

วิตามิน E

โดยส่วนใหญ่ วิตามิน E ที่นำมาเป็นส่วนผสม ในครีมบำรุงผิว Skin Care ต่าง ๆ จะมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน คือ DL -Alpha Tocopherol และ Tocopherol Acetate โดยทั้ง 2 ชนิดมีความแตกต่างกัน คือ

  • DL – Alpha Tocopherol ประสิทธิภาพดี มีความเข้มข้นสูง แต่อายุการใช้งานสั้น
  • Tocopherol Acetate ประสิทธิภาพต่ำกว่า แต่อายุการใช้งานยาวนานกว่า

หากต้องการให้ ครีม หรือ Skin Care มีคุณภาพสูง แนะนำให้ใช้วิตามินอี ชนิด  DL – Alpha Tocopherol จะดีที่สุด แต่หากต้องการลดต้นทุน ให้ผลิตภัณฑ์มีอายุการใช้งานยาวนาน แนะนำให้ใช้วิตามิน E ชนิด Tocopherol Acetate เป็นหลัก

 

Skin care ที่ควรมี วิตามิน E เป็นส่วนประกอบ

วิตามินอี

ดังที่กล่าวไปแล้วว่า วิตามินอี มีความโดดเด่น ในเรื่องการชะลอการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้ผิวหนังดูอ่อนกว่าวัย จึงสามารถนำวิตามิน E มาเป็นส่วนผสมในกลุ่ม Anti-Aging Skin Care โดยเฉพาะได้เลย ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของ ครีมทาผิว หรือว่า เซรั่ม ต่าง ๆ

อีกอย่างหนึ่งที่ฮอตฮิตไม่แพ้กัน ก็คือ ครีมกันแดด เพราะวิตามิน E มีคุณสมบัติช่วยป้องกันแสงแดด และ มลภาวะต่าง ๆ ทำให้ ครีมกันแดด หลายแบรนด์ นิยมนำวิตามินอีมาใช้เป็นส่วนผสมด้วยเช่นกัน บางแบรนด์ยังเพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยการใส่วิตามิน C ลงไปควบคู่กันด้วย หากใครสนใจก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ตามที่เราแนะนำกันได้เลย

เพราะวิตามินอี ช่วยบำรุงผิวให้มีสุขภาพที่ดี ช่วยลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย ปกป้องแสงแดด มลภาวะต่าง ๆ ไม่ให้เข้าสู่ผิวหนัง ทำให้ Skin Care ในท้องตลาด โดยเฉพาะแบรนด์ชั้นนำ มักมีวิตามิน E เป็นส่วนผสม หากใครอยากทำ Skin Care ในกลุ่มของ Anti-Aging Skin Care หรือ ครีมกันแดด โดยเฉพาะแล้วละก็ อย่าลืมใส่วิตามิน E เป็นตัวชูโรง เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมีประสิทธิภาพ สามารถใช้บำรุงผิว จนเห็นผลลัพธ์ได้จริง  

สนใจผลิต Anti-Aging Skin Care ที่มีส่วนผสมของวิตามิน E สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ SGECHEM เพราะเราเป็นโรงงาน OEM ที่ผลิตครีมบำรุงผิว Skin Care ครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ไปจนถึงการออกแบบ สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ และมีบริการจดทะเบียน อย. ให้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ของคุณถูกต้องตามกฏหมาย สามารถวางขายแข่งขันทางการตลาดได้อย่างสบายหายห่วง หากสนใจสามารถคลิกลิ้งก์เว็บไชต์ที่ https://sgechem.com/ หรือ ติดต่อทางโทรศัพท์ หรือ Line ของเราได้เลย

บทความที่น่าสนใจ