วิธีรักษาสิวอักเสบ มีอะไรบ้าง ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน เพราะเป็นปัญหากวนใจที่หลาย ๆ คนอยากจะแก้ไขให้ได้เร็วที่สุด โดยเฉพาะสาว ๆ ที่อยากให้ผิวหน้าผ่องใส เรียบเนียน สวยงาม แต่กลับมีสิวผุดขึ้นเต็มหน้าซะอย่างนั้น

ถ้าอยากจะรักษาสิวอักเสบให้หายดี พร้อมมีหน้าเนียนกระจ่างใส ไว้อวดชาวโลกแล้วละก็ SGECHEM มี วิธีรักษาสิวอักเสบ ง่าย ๆ มาฝาก รับรองว่า ทำง่าย ไม่ยาก หน้าหายเป็นสิวแน่นอน

สิวอักเสบ เกิดขึ้นได้อย่างไร

วิธีการรักษาสิวอักเสบ

สิวอักเสบ (Inflammatory Acne) เป็นลักษณะของสิว ที่พัฒนามาจากสิวอุดตัน เมื่อสิวอุดตันติดเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acne หรือ พีแอกเน่ (P. acne) ที่อยู่ในรูขุมขน จะทำให้เกิดการกระตุ้นจน กลายร่างเป็นสิวอักเสบ ซึ่งมีลักษณะเป็น สิวขนาดใหญ่ที่นูนขึ้นมา เป็นตุ่มบวมแดง บางชนิดจะมีหนองสีขาวขุ่นตรงบริเวณหัวสิวด้วย โดยเมื่อมีสิวอักเสบขึ้นบนบริเวณไหน จะทำให้รู้สึกเจ็บปวดบริเวณนั้น ซึ่งถ้าเกิดยุบตัวลง ก็จะทิ้งร่องรอยไว้ด้วย

ประเภทของสิวอุดตัน

วิธีรักษาสิวอักเสบ

สิวอุดตัน สามารถพัฒนาระดับความรุนแรงของอาการได้ ซึ่งจะเริ่มจากสิวอุดตันก้อนเล็ก ๆ ไปจนถึงก้อนขนาดใหญ่ และมีหนองอยู่ภายใน หากความรุนแรงน้อย ก็อาจทำการดูแลรักษาได้ด้วยตัวเองที่บ้าน แต่หากมีความรุนแรงมาก ก็อาจต้องไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ถึงจะทำการรักษาให้หายขาดได้ การรู้ว่า ตนเองมีสิวอุดตันประเภทไหน จึงถือว่าสำคัญมาก เพื่อให้สามารถประเมินการรักษาได้อย่างถูกต้อง โดยสิวอุดตัน มี  4 ประเภท ได้แก่

1. สิวตุ่ม (Papules)

สิวตุ่มแดง

เป็นตุ่มขนาดเล็ก ลักษณะบวมเต่ง มีสีชมพูอ่อนๆ จนถึงแดง เป็นสิวอักเสบที่รักษาได้ง่าย หากรีบรักษาด้วยยาหรือครีมดี ๆ  จะทำให้สิวไม่เพิ่มขนาดขึ้น หรือถึงขั้นทำให้สิวยุบลงไปเลยก็มี สำหรับระดับความรุนแรงนั้น อยู่ในระดับ 1 (เล็กน้อย)

2. สิวหัวหนอง (Pustules)

สิวหัวหนอง

มีขนาดใหญ่กว่าสิวตุ่ม ลักษณะเป็นหนองสีขาวอยู่ตรงหัวสิว ถ้าเป็นสิวแบบตื้น ๆ จะรับมือได้ง่าย ไม่มีอาการเจ็บ แต่ถ้าเป็นสิวอักเสบแบบลึก จะใช้ระยะเวลาการรักษานานกว่า และเจ็บกว่า เป็นสิวที่พัฒนามาจากแบบแรกจนกลายร่างเป็นแบบลึก ซึ่งถ้ามาถึงขั้นนี้ แล้วไม่รีบทำการรักษา อาจจะรักษาได้ยากและทิ้งร่องรองไว้ได้ ระดับความรุนแรงอยู่ที่ระดับ 2 (ปานกลาง)

3. สิวหัวช้าง (Nodules)

สิวหัวช้าง

เม็ดสิวมีขนาดใหญ่และแข็ง เป็นตุ่มนูนแดง ฝังลงไปลึกมากใต้ผิวหนัง สิวแบบนี้จะใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะยุบ จึงต้องค่อย ๆ ดูแลดี ๆ ทั้งนี้ ไม่สนับสนุนให้กด เพราะยิ่งกด สิวจะยิ่งเห่อได้ หากพบสิวประเภทนี้ และมีสิวตุ่มแดง สิวหัวหนองขึ้นด้วย จะมีระดับความรุนแรงอยู่ที่ระดับ 3 (ค่อนข้างรุนแรง)

4. สิวซีสต์ (Cysts)

สิวซีสต์

คล้าย ๆ กับสิวหัวช้าง แต่มีหนองขนาดใหญ่ฝังลึกใต้ผิวหนังและสามารถสร้างความเจ็บปวดได้อย่างสาหัสเมื่อเผลอไปสัมผัสโดนเข้า ระดับความรุนแรงอยู่ที่ระดับ 4 (รุนแรง)

วิธีรักษาสิวอักเสบ

สิวอักเสบ

เมื่อรู้ว่ามี สิวอักเสบ อยู่ในระดับใด ก็เริ่มเลือกวิธีการรักษา ให้เหมาะสมกับประเภทของสิวนั้น ๆ  โดยหากอยู่ในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง สามารถยาหรือครีม มาทา กิน เองได้ แต่หากอยู่ในระดับค่อนข้างรุนแรงถึงรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการรักษาด้วย

1. การรักษาสิวตุ่มและสิวหัวหนอง

ด้วยเป็นสิวอักเสบที่อาการยังไม่รุนแรงมาก จึงสามารถดูแลรักษาได้ด้วยตัวเอง โดยสามารถหายาทา หรือ ยาเม็ดมารับประทานเพื่อรักษาให้หายได้ ตลอดจนวิธีอื่น ๆ ที่จะช่วยบรรเทาอาการสิวอักเสบ ซึ่งก็มีหลากหลายวิธีเช่น

  • ใช้ยาเบนซอยเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide – BP) ด้วยตัวยาบีพี (BP) สามารถฆ่าเชื้อพีแอกเน่ (P.Acne) ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวอักเสบได้ และซื้อได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยาจากแพทย์ จึงเหมาะกับการเริ่มต้นรักษาสิวด้วยตนเอง ในปัจจุบันมีทั้งรูปแบบทำละลายในแอลกอฮอล์และแบบที่ละลายกับน้ำ ซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับคนที่แพ้แอลกอฮอล์ได้เป็นอย่างดี โดยยาบีพีจะมีความเข้มข้นอยู่ 3 ระดับด้วยกัน คือ 2.5%, 5% และ 10% หากเริ่มใช้ครั้งแรก แนะนำให้ใช้ในระดับความเข้มข้นน้อยสุดก่อน ถ้าใช้ไม่ได้ผลจริง ๆ ค่อยปรับไปใช้ 5% และ 10% ทั้งนี้ มีข้อเสียนิดหน่อยตรงที่ใช้ร่วมกับยากลุ่มกรดวิตามินเอไม่ได้ จะใช้ได้เฉพาะ Adapalene อย่างยี่ห้อ Differin (ดิฟเฟอริน) ซึ่งเป็นสารที่พัฒนามาจากกรดวิตามินเอตัวอื่นเท่านั้น
  • คลินดามัยซิน (Clindamycin) เป็นยาอีกตัวที่มักนำมาใช้กำจัดสิวอักเสบและก็ได้ผลดีเช่นกัน ซึ่งยาตัวนี้สามารถใช้ควบคู่กันกับบีพีได้ แถมยังทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย เพราะคลินดามัยซินนั้นมีฤทธิ์กำจัดโปรตีนอันเป็นอาหารของแบคทีเรีย ถ้าเราใช้ร่วมกับยาบีพีก็จะสามารถช่วยกำจัดแบคทีเรียและลดการติดเชื้อได้เป็นอย่างดี โดยคลินดามัยซินนั้นจะมีทั้งแบบที่เป็นน้ำและแบบที่เป็นเจล ส่วนการใช้ก็นำมาแต้มลงบนหัวสิวอักเสบเท่านั้น ถ้าใช้ร่วมกับบีพีก็ให้ใช้บีพีก่อนก่อนแล้วล้างหน้า หลังจากนั้น ก็ให้ทาคลินดามัยซินก่อนการทาครีมบำรุง สำหรับชื่อในทางการค้าของยาคลินดามัยซิน ก็มีอยู่หลายยี่ห้อ เช่น clindalin gel CLINDA-M เป็นต้น
  • ใช้แผ่นดูดสิว หากสิวบนใบหน้า ยังเป็นแค่สิวตุ่มแดงและตุ่มหัวหนองอยู่ สามารถใช้แผ่นดูดสิว ในการรักษาสิวอักเสบได้ เพียงแปะลงบนสิวอักเสบในตอนกลางคืน แผ่นดูดสิวก็จะดูดเม็ดสิวหรือหนองออกมาจากผิวหนัง ช่วยบรรเทาอาการบวมแดงหรือทำให้สิวอักเสบยุบตัวลงได้ โดยปัจจุบัน ในแผ่นดูดสิวยังมีตัวยาที่ช่วยซึมผ่านผิวหนัง ทำให้สิวอักเสบยุบตัวลงได้ จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการรักษาสิวด้วยตนเองแบบสุด ๆ มีทั้งหมด 3 แบบ คือ แผ่นดูดสิวชนิดมีตัวยารักษา (Medicated) แผ่นดูดสิวชนิดไม่มีตัวยา (Non-medicated) และแผ่นดูดสิวชนิดหัวเข็มละลายสิว (Microneedle)
  • รับประทานยาปฏิชีวนะ หากไม่อยากทายาแต้มสิวอักเสบในทุก ๆ วัน สามารถลองหายาปฏิชีวนะ มารับประทาน เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวและอาการอักเสบ โดยตัวยาปฏิชีวนะ ที่หาซื้อได้เอง เช่น อิริทโทรไมซิน ด็อกซี่ไซคลีน เตตราไซคลีน ไมโนไซคลีน เป็นต้น

2. การรักษาสิวหัวช้างและสิวหัวซีสต์

เมื่อเป็นสิวหัวช้างและสิวหัวซีสต์ ซึ่งมีอาการระดับค่อนข้างรุนแรง – รุนแรง การรักษาควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วย เพื่อให้สามารถหาซื้อยา มาใช้ได้อย่างถูกวิธี โดยแพทย์อาจพิจารณาให้รับประทานยา เช่นไอโซเตรติโนอิน (Isotretinoin) ยาอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ ที่ช่วยลดการผลิตไขมันจากต่อมไขมัน ป้องกันการอุดตันของรูขุมขน ลดปริมาณแบคทีเรียในชั้นผิวหนัง และลดอาการบวมแดงจากการเกิดสิว

แต่ในบางกรณี หากแพทย์พิจารณาแล้ว พบว่า สิวอักเสบค่อนข้างรุนแรง ก็อาจให้ผู้ที่มีสิวอักเสบเข้าทำการรักษาโดยตรง ซึ่งวิธีการที่ใช้ก็อาจใช้รักษาด้วย โฟโตไดนามิก (Photodynamic Therapy) ซึ่งแพทย์จะทายาไว้บนผิวหนังที่เกิดสิว แล้วฉายแสง หรือฉายเลเซอร์ลงไปบนผิว เร่งปฏิกิริยาและกระตุ้นให้ยาออกฤทธิ์รักษาสิวในบริเวณนั้น หรือไม่ก็ใช้เครื่องสุญญากาศดูดสิว (Isolaz) เป็นการใช้เครื่องดูดร่วมกับการฉายแสง ลดการผลิตไขมันของต่อมไขมันที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว ในบางเคส อาจใช้การฉีดสเตียรอยด์ (Steroid) เพื่อให้สิวอักเสบหายไปโดยที่ไม่ต้องบีบสิวออกมา ทั้งนี้ อาจมีการให้รับประทานยาคุมกำเนิดเพื่อปรับฮอร์โมน รวมถึงใช้กระบวนการทางเคมีเพื่อผลัดเซลล์ผิว ตามความเหมาะสมของอาการแต่ละคนด้วย

การเลือกใช้ สกินแคร์ สำหรับผู้มีสิวอักเสบ

วิธีการรักษาสิวอักเสบ

นอกจากการรักษาผิวด้วยผลิตภัณฑ์เวชสำอาง เพื่อรักษาสิวอุดตันโดยตรงแล้ว การเลือกใช้สกินแคร์ที่มีคุณสมบัติปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง และสามารถลดสิวอุดตัน สิวอักเสบ ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้มีสิวอักเสบ โดยอาจเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของตัวยา ที่ช่วยลดการเกิดสิวที่พบได้บ่อยเช่น Adapelene, Benzoyl peroxide, Salicylic acid, Zinc, Niacinamide และ Tea Tree Oil ฉะนั้นแล้วหากผู้ทีมีปัญหาสิวอักเสบกำลังเลือกซื้อสกินแคร์มาใช้ ก็ให้ดูส่วนประกอบในสกินแคร์ว่ามีตัวยาเหล่านี้หรือไม่ ก่อนที่จะซื้อมาใช้งาน

ดูแลผิวอย่างไร เมื่อเป็นสิวอักเสบ

วิธีรักษาสิวอักเสบ

สิวอักเสบ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความมัน สิวอุดตันเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ภูมิคุ้มกันร่างกายไว ระดับฮอร์โมนที่มากเกินไป กรรมพันธุ์ การใช้ยาบางชนิดที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง ฯลฯ ดังนั้น หากรักษาสิวด้วยตนเองก็แล้ว รักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็แล้ว ยังรักษาไม่หายขาด ก็อาจต้องหาวิธีอยู่ร่วมกับมันให้ได้ ด้วยการรู้จักดูแลผิว ให้เหมาะกับสภาพผิวที่มีสิวอักเสบ โดยมีทั้งสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ คือ

สิ่งที่ควรทำเมื่อเป็นสิวอักเสบ

  • รักษาความสะอาดบนใบหน้า ล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยน้ำสะอาดและผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวหน้า ไม่มีน้ำมันหรือสารเคมีเป็นส่วนผสม เพื่อกำจัดไขมันและสิ่งสกปรกที่อุดตันบนผิวหนัง
  • ใช้น้ำเกลือปราศจากเชื้อ (Normal Saline Solution) เช็ดแผลที่เกิดจากสิวอักเสบหรือใช้เช็ดทำความสะอาดใบหน้าอีกครั้งหลังล้างหน้า โดยควรเลือกน้ำเกลือที่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน ใส ไม่มีสี ปราศจากสารเติมแต่งและวัตถุกันเสีย มีฝาล็อกปิดสนิทป้องกันเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมันและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งจนเกินไป โดยต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและได้รับมาตรฐานการรับรองอย่างถูกต้อง
  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอาง หากมีความจำเป็นควรแต่งหน้าให้น้อยที่สุดและใช้เครื่องสำอางสูตรไม่ก่อให้เกิดสิว ที่มีสัญลักษณ์ระบุบนฉลากว่า ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-Comedogenics) หากใช้เครื่องสำอาง ก็ควรล้างหน้าให้สะอาดก่อนเข้านอน
  • รับประทานอาหารครบ 5 หมู่  โดยเฉพาะผักและผลไม้ที่ต้องเน้นเป็นพิเศษ
  • นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรนอนดึกและอดนอน เพราะจะทำให้สิวอักเสบกำเริบอีกครั้ง
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากไปพบแพทย์มาแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการทายาและรับประทานยา

สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อเป็นสิวอักเสบ

  • หลีกเลี่ยงการขัดถูหน้าอย่างแรง ให้ใช้วิธีการซับเบาๆ เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ทำให้สิวอักเสบหนักกว่าเดิมได้
  • ห้ามบีบ แคะ แกะสิวอักเสบเด็ดขาด เพราะจะทำให้อาการอักเสบรุนแรงมากขึ้น
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดสิวอักเสบ เช่น ของทอด ของมัน ขนมหวาน
  • ห้ามซื้อยามารับประทานรักษาสิวเอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อประเมินความรุนแรงและสั่งยาอย่างเหมาะสม
สิวอักเสบ สามารถรักษาได้ด้วยตัวเองที่บ้าน เพียงแต่ต้องคอยดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับใช้ยาและครีมบำรุงที่เหมาะสมกับชนิดของสิวอักเสบ ก็จะรักษาให้หายเองได้ อย่างไรก็ตาม หากสิวอักเสบรุนแรงมาก ก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ทำการรักษาได้อย่างถูกวิธี จะช่วยให้สิวอักเสบหายได้เร็วมากขึ้น 

หากใครต้องการผลิดครีมบำรุง หรือ เครื่องสำอาง ที่เหมาะกับสภาพผิวของผู้ที่มีสิวอักเสบแล้วละก็ สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ SGECHEM เพราะเราเป็นโรงงาน OEM ที่ผลิตอาหารเสริมและเครื่องสำอางครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ไปจนถึงการออกแบบ สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ และมีบริการจดทะเบียน อย. ให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของคุณถูกต้องตามกฏหมาย สามารถวางขายแข่งขันทางการตลาดได้อย่างสบายหายห่วง หากสนใจสามารถคลิกลิ้งก์เว็บไชต์ที่ https://sgechem.com/ หรือติดต่อทางโทรศัพท์ หรือ Line ของเราได้เลย