แอลคาร์นิทีน คนส่วนใหญ่อาจรู้จักว่า คือ สารอย่างหนึ่งที่ช่วยในการลดน้ำหนัก เพราะมักพบว่าเป็นส่วนผสมหนึ่งในอาหารเสริม แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่เพียงช่วยลดน้ำหนักได้เท่านั้น แต่ยังช่วยลดมวลไขมัน เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และลดความเหนื่อยล้าได้ด้วย แถมยังสามารถได้รับจากอาหารทั่วไป ไม่ต้องกินอาหารเสริมเพื่อบำรุงเพิ่มเติมแต่อย่างใด

หากอยากรู้ว่า แอลคาร์นิทีน มีดีกว่า ช่วยลดน้ำหนักอย่างไร และต้องรับประทานอาหารอะไร ถึงจะได้รับในปริมาณที่เหมาะสม SGECHEM จะพาทุกคนมาไขข้อสงสัย พร้อมกับบอกทุกอย่างที่ควรรู้เกี่ยวกับเจ้าสารชนิดนี้

แอลคาร์นิทีน คืออะไร

แอลคาร์นิทีนคือ

แอลคาร์นิทีน เป็นสารที่ร่างกายสามารถสร้างได้เองที่ตับและไต โดยสังเคราะห์ขึ้นมาจากกรดอะมิโน 2 ตัวที่มีชื่อว่า ไลซีน (Lysine) และ เมไทโอนีน (Methionine) มีหน้าที่ช่วยเปลี่ยนกรดไขมันให้เป็นพลังงานในร่างกาย แล้วส่งพลังงานนั้นไปยังส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กล้ามเนื้อ หัวใจ สมอง หรือ สเปิร์ม ฯลฯ ซึ่งด้วยคุณสมบัติที่ทำให้ลดการสะสมไขมันและเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย จึงมีการนำแอลคาร์นิทีนมาใช้เพื่อจุดประสงค์เรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะการลดน้ำหนัก

ต่อมาเมื่อมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม ที่ทำให้พบว่า แอลคาร์นิทีน มีอีก 2 ชนิด ซึ่งมีประโยชน์ต่อการรักษาโรคและบำรุงร่างกาย จึงมีการนำมาปรับใช้ในกลุ่มผู้ป่วยบางโรคอีกด้วย โดยปัจจุบัน มีการนำแอลคาร์นิทีนมาใช้อยู่ 3 ชนิดคือ

  1. แอล-คาร์นิทีน (L-Carnitine) สามารถดูดซึมได้รวดเร็ว เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย และมีราคาถูกที่สุด มักใช้กันในกลุ่มนักกีฬา ช่วยเรื่องอาการปวดกล้ามเนื้อ muscle soreness และ การ recover หลังออกกำลังกาย
  2. แอล-อะซิทิลคาร์นิทีน (L-Acetyl Carnitine) มีประโยชน์ในการบำรุงสมองและช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมอง เช่น โรคเสื่อมของระบบประสาท (Neurodegenerative Disease) และ อัลไซเมอร์
  3. แอล-โพรพิโอนิลคาร์นิทีน (L-Propionyl Carnitine) ช่วยเรื่องระบบไหลเวียนโลหิต (Blood Circulation) ใช้ได้ผลในกลุ่มโรคเกี่ยวกับเส้นเลือดตามแขนขา (Peripheral Vascular Disease) และมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการเจ็บหน้าอกและโรคที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ

ประโยชน์ของ แอลคาร์นิทีน ที่มากกว่าลดน้ำหนัก

แอลคาร์นิทีน

ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า แอลคาร์นิทีน ไม่ได้มีเพียงชนิดเดียว แต่มีอีก 2 ชนิด ซึ่งสามารถใช้ในการรักษาโรคและบำรุงร่างกายได้ จึงไม่ได้มีดีแค่ใช้ในการลดน้ำหนักอย่างที่เข้าใจกัน แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ เช่น

1. ช่วยเสริมความจำ

หากร่างกายได้รับ แอล-อะซิทิลคาร์นิทีน (L-Acetyl Carnitine) จะช่วยบำรุงระบบประสาท ทำให้ความจำดีขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ระบบประสาทที่เสื่อมสภาพลง อันเนื่องมาจากการที่มีอายุเพิ่มมากขึ้นได้

2. แก้ปัญหามีบุตรยาก

แอล-คาร์นิทีน จะไปเร่งให้ไมโทคอนเดรียในเซลล์สเปิร์ม เปลี่ยนไขมันมาเป็นพลังงาน ทำให้สเปิร์มที่เคยอ่อนแรง ปวกเปียก เคลื่อนที่ได้แข็งแรง และมีจำนวนมากขึ้น ดังนั้น หากใครกำลังประสบปัญหามีลูกยาก เพียงแค่รับประทานอาหารที่มีสารแอลคาร์นิทีนเข้าไป ก็จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้แน่นอน

3. ช่วยเปลี่ยนไขมันเป็นพลังงาน

แอลคาร์นิทีน สามารถเปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงานในร่างกายได้จริง แต่ในแง่ของการช่วยลดน้ำหนักแล้ว หากพิจารณาจากผลการทดลอง จะพบว่าได้ผลดีสุดเมื่อทานคู่กับการออกกำลังกายด้วยเท่านั้น ดังนั้น หากอยากลดน้ำหนักให้ได้ผลจริง ให้รับประทานแอลคาร์นิทีน วันละ 500 มิลลิกรัมต่อวัน แล้วออกกำลังกาย วันละ 40 – 50 นาที จะช่วยสลายไขมันและลดน้ำหนักได้

4. เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แก่นักกีฬา

ด้วยมีหน้าที่ช่วยเปลี่ยนกรดไขมันให้กลายเป็นพลังงาน แล้วนำไปเก็บที่กล้ามเนื้อ ทำให้แอลคาร์นิทีนมีคุณสมบัติช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แก่นักกีฬา ทำให้ออกกำลังกายได้ทนทานและยาวนานขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรจะต้องหยุดใช้เพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักบ้าง อย่างน้อยเดือนละ 1 สัปดาห์และไม่ควรใช้ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ เพราะอาจเกิดอาการบาดเจ็บได้

5. ระบบหัวใจและหลอดเลือดแข็งแรงดีขึ้น

ใน แอล-โพรพิโอนิลคาร์นิทีน มีกรดอะมิโนจำเป็นที่เป็นโครงสร้างสำคัญที่ดีต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ ช่วยให้ร่างกายผลิตพลังงาน ซึ่งสำคัญต่อการทำงานของหัวใจ การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อและกระบวนการอื่น ๆ ของร่างกาย รวมทั้ง สามารถใช้ในการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลว อาการเจ็บหน้าอก และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้อีกด้วย

กินอย่างไร ให้ได้รับ”แอลคาร์นิทีน”

แอลคาร์นิทีน

อาหารโดยทั่วไปที่เรารับประทานอยู่ทุกวัน ส่วนใหญ่มีสารแอลคาร์นิทีนอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ พืชผัก ผลไม้ ธัญพืชต่าง ๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นเนื้อสัตว์ที่มีปริมาณแอลคาร์นิทีนสูง ดังนั้น จึงมีโอกาสน้อยมากที่คนเราจะไม่ได้รับแอลคาร์นิทีนในแต่ละวัน ยกเว้น ผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบการย่อยอาหารหรือการดูดซึม และผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ (Vegan Diet) ซึ่งอาหารที่มีแอลคาร์นิทีน ได้แก่

1. เนื้อสัตว์

พบมากในเนื้อแดง เช่น เนื้อบด เนื้อหมู เบคอน อกไก่ รวมถึงเนื้อปลา

2. ผลิตภัณฑ์จากสัตว์

ไม่ว่าจะเป็น ไข่ไก่ หรือ ผลิตภัณฑ์จากนม เช่น นมวัว ชีส เนย ฯลฯ

3. พืชผัก

พืชผัก มีหลายชนิดที่มีสารแอลคาร์นิทีน แต่ว่ามีปริมาณน้อย เมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ เช่น อาร์ติโชค, หน่อไม้ฝรั่ง หัวผักกาดเขียว บร็อคโคลี่ กะหล่ำดาว ผักคอลลาร์ด กระเทียม ผักกาดเขียวปลี กระเจี๊ยบมอญ พาสลี่ย์ คะน้า

4. ผลไม้

ผลไม้บางชนนิดก็มีแอลคาร์นิทีน เช่น แอปปริคอท กล้วย

5. ธัญพืช

ประกอบด้วยถั่วและเมล็ดพืช เช่น ฟักทอง ทานตะวัน งา บัควีท ข้าวโพด ลูกเดือย ข้าวโอ๊ต รำข้าว ข้าวไรย์, ข้าวสาลี รำข้าวสาลี จมูกข้าวสาลี

โดยปริมาณที่ร่างกายควรได้รับแอลคาร์นิทีนนั้น เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 2 กรัมต่อวัน ดังนั้น หากเป็นคนที่รับประทานเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์อื่น ๆ ค่าเฉลี่ยที่จะได้รับแอลคาร์นิทีน อยู่ที่ประมาณ 60 – 180 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งก็ไม่น้อยและต่ำเกิน จากที่ควรได้รับในแต่ละวัน แต่หากเป็นคนทานมังสวิรัติ ปริมาณที่ได้รับอาจอยู่ที่ประมาณ 10 – 12 มิลลิกรัม เท่านั้น เนื่องจากชาวมังสวิรัติหลีกเลี่ยงอาหาร ที่มีสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกชนิด ดังนั้น ก็อาจประสบปัญหาร่างกายขาดแอลคาร์นิทีนได้ จึงอาจต้องชดเชยด้วยการทานอาหารเสริมแทน

ข้อควรระวังในการรับประทาน

แอลคาร์นิทีนคือ

เนื่องจากแอลคาร์นิทีน เป็นสารที่ร่างกายสามารถสร้างได้เองอยู่แล้ว ดังนั้น การรับประทานเพื่อให้ได้รับแอลคาร์นิทีนเพิ่ม จึงไม่ควรมากเกินไป เพราะอาจส่งผลข้างเคียงได้ โดยหากรับประทานเกิน 2 กรัมต่อวัน อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง อาเจียน ท้องเสีย บางกรณี อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงในผู้ป่วยที่เป็นโรคระบบทางเดินปัสสาวะและอาการชักในผู้ที่มีประวัติเคยชักมาก่อนได้

สำหรับคนที่มีอาการแพ้ต่ออาหารโปรตีน เช่น ไข่ นม หรือ ข้าวสาลี ไม่ควรกินผลิตภัณฑ์ที่มีแอล-คาร์นิทีนเป็นอันขาด รวมไปถึงคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับและไต เด็กที่มีอายุยังไม่ถึง 2 ขวบ และสตรีมีครรภ์ ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ ถ้าไม่จำเป็น หรือ หากต้องการทาน ก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทานทุกครั้ง

แอลคาร์นิทีน ไม่ได้มีดีแค่ช่วยลดน้ำหนักเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมความจำ บำรุงกล้ามเนื้อ บำรุงระบบโลหิตให้แข็งแรง การได้รับ แอลคาร์นิทีน อย่างสม่ำเสมอทุก ๆ วัน จึงไม่เพียงช่วยควบคุมน้ำหนักให้สมดุล แต่ยังช่วยบำรุงร่างกายให้มีสุขภาพดีด้วย ซึ่งถ้าหากรับประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ พืชผัก ผลไม้ แล้วละก็ มีโอกาสที่จะได้รับในปริมาณเพียงพออยู่แล้ว แต่หากเป็นผู้ที่ทานมังสวิรัติ หรือมีปัญหาด้านการดูดซึมลำไส้ แล้วละก็ อาจจะต้องทานอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของแอลคาร์นิทีน เพื่อให้ได้รับปริมาณเพียงพอในแต่ละวัน ถึงจะทำให้สารชนิดนี้ช่วยดูแลสุขภาพคุณให้ดีขึ้นได้ 

หากอยากผลิตอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของแอลคาร์นิทีน เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ที่ต้องการได้รับสารชนิดนี้แล้วละก็ สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ SGECHEM เพราะเราเป็นโรงงาน OEM ที่ผลิตอาหารเสริมครบวงจร มีมาตรฐานตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ไปจนถึงการออกแบบ สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ และมีบริการจดทะเบียน อย. ให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของคุณถูกต้องตามกฏหมาย สามารถวางขายแข่งขันทางการตลาดได้อย่างสบายหายห่วง หากสนใจสามารถคลิกลิ้งก์เว็บไชต์ที่ https://sgechem.com/ หรือติดต่อทางโทรศัพท์ หรือ Line ของเราได้เลย