เรียบเรียงโดย ด็อกเตอร์อั้ม (Dr. Aum)

ทำความรู้จัก AHA กับ BHA คือ อะไร? ต่างกันอย่างไร?

 เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะเคยสงสัยว่าส่วนผสม ที่อยู่ในครีมบำรุงผิว หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่าง “AHA และ BHA” ว่ามันคืออะไร? ต่างกันยังไง? แล้วตัวไหนใช้แล้วขาวกัน? ผิวแบบเราควรเลือกใช้ตัวไหนถึงจะเหมาะกับผิวเรากันนะ!

วันนี้ SGE CHEM จะพาไปหาคำตอบ และไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ BHA และ AHA คือ อะไรกัน…

AHA คือ?

AHA หรือ กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids) คือ สารสกัดจากธรรมชาติ ที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น กรดซีตริก จากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว, กรดทาร์ทาริก จากองุ่น, กรดไกลโคลิก จากอ้อย, กรดมาลิก จากแอปเปิ้ล และกรดแลคติก จากนมเปรี้ยว เป็นต้น

What-is-AHA-02

โดยAHA ถูกนำมาใช้คืนความอ่อนเยาว์ บำรุงผิว มายาวนานตั้งแต่อดีต และยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน ประสิทธิภาพการดูแลผิวขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของAHA ในผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดด้วย ซึ่งกรดไกลโคลิค และกรดแลคติก เป็นชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางมากที่สุด

การทำงานของAHA

ในส่วนของ AHA นั้น จะทำงานหลายหน้าที่ และทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน้าที่หลัก ๆ มีดังนี้

  • ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า (Exfoliate) ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
  • ช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว (Glycolic Acid)
  • ให้ความชุ่มชื่นกับผิว
  • ลดเลือนริ้วรอย และจุดด่างดำ

อย่างที่รู้กันว่า แสงแดด และกาลเวลา เป็นตัวการสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพเซลล์ผิวหนัง ซึ่งAHA จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า เซลล์ผิวที่ตายแล้ว ให้หลุดออกจากชั้นผิวหนัง พร้อมเผยผิวสุขภาพดีออกมา การใช้AHA ที่มีความเข้มข้นสูง หากใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อชั้นผิวที่อยู่ลึกลงไป กระตุ้นการเกิดใหม่ของคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวนุ่ม และริ้วรอยต่าง ๆ ดูลดเลือนลงได้

อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลการใช้ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ที่ระบุปริมาณAHA อย่างชัดเจน สำหรับใครที่ต้องการการใช้AHA ที่มีความเข้มข้นสูง ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสมอด้วย

เลือกAHA ตัวไหนดี?

การเลือกAHA เป็นส่วนผสมนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้เอง ตัวที่ดีที่สุด คือ กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) มีความพิเศษไม่เหมือนกรดตัวอื่น ๆ เพราะมีความอ่อนโยนมาก ๆ   ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ชั้นผิวหนาขึ้น แข็งแรงขึ้นด้วย สำหรับคนที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย แนะนำให้ใช้ตัว Lactic Acid เป็นหลัก เพราะเป็นตัวที่อ่อนโยนที่สุดในบรรดาตระกูลAHA จะช่วยขจัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยน โดยไม่ทำให้ผิวระคายเคืองด้วย

What-is-AHA03

ผลข้างเคียงจาก AHA

AHAทุกตัว โดยเฉพาะตัวกรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) สามารถทำให้ผิวระคายเคืองไปจนถึงผิวลอกได้ หากเริ่มใช้AHA ใหม่ ๆ ต้องเริ่มจากความเข้มข้นที่น้อยก่อน ความเข้มประมาณ 5% แล้วค่อย ๆ ไต่ระดับความเข้มข้นขึ้นไป และข้อที่ควรระวัง คือ หากใช้AHA ช่วยขจัดเซลล์ผิวในตอนเช้า จำเป็นมาก ๆ ที่จะต้องทากันแดดด้วย เพราะผิวที่เพิ่งผลัดเซลล์ผิวมาใหม่ ๆ จะเซนสิทีฟกับรังสี UV มาก ๆ

สรุปได้ว่า AHAคือ สารที่มีฤทธิ์เป็นกรด ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออก เพื่อเผยผิวใหม่ที่กระจ่างใส และเมื่อเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วลอกออกไป ผิวก็จะสามารถรับสารจาก Skincare เข้าสู่ผิวได้โดยตรงนั่นเอง

AHA เหมาะกับผิวประเภทไหน?

ด้วยเหตุผลที่ว่าAHA ช่วยเติมน้ำให้ผิว และช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ดังนั้นAHA จึงเหมาะกับผู้ที่มีสภาพผิว ดังนี้

  • คนที่มีผิวแห้ง
  • คนผิวที่ถูกแดดทำร้าย  ให้ใช้ Glycolic Acid ที่ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
  • คนผิวแพ้ง่าย ให้ใช้ Lactic Acid ที่เป็นตัวที่อ่อนโยนที่สุดในตระกูลAHA

BHA คือ?

BHA ย่อมาจาก “Beta Hydroxy Acid” กรดBHA ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางคือ ซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ที่สกัดมาจากเปลือกของต้น Willow ต้นหลิวจีน ซึ่งBHA มีความแตกต่างจากAHA ตรงที่เป็นสารที่ละลายในไขมันได้ นั่นก็คือ สามารถซึมเข้าสู่รูขุมขนไปถึงต่อมไขมัน ทำความสะอาดรูขุมขนได้ล้ำลึก ดังนั้น กรดBHA จึงเหมาะกับคนผิวมัน และยังใช้ในการรักษาสิวได้อีกด้วย

What-is-BHA-04

BHA ทำงานอย่างไร?

ตัวBHA จะทำงานคล้าย ๆ กับAHA อยู่บ้าง แต่จะมีข้อดีต่างกันเล็กน้อยในส่วนที่ AHA ให้ไม่ได้ ดังนี้

  • เป็นตัวช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า (Exfoliate) ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
  • ซึมลงเข้าสู่รูขุมขนได้ โดยไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
  • ช่วยปลอบประโลมผิวจากการระคายเคืองผิว ลดการอักเสบ และอาการแดง
  • ลดเลือนริ้วรอย และจุดด่างดำ

ผลข้างเคียงจาก BHA

ตัว Salicylic Acid ให้ผลข้างเคียงที่น้อยกว่าตัวAHA ในระดับความเข้มข้นต่ำ ทำให้มั่นใจได้ว่า ผิวจะระคายเคืองได้น้อยกว่า ถ้าใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันรังสียูวีด้วย เพราะผิวที่ถูกทาBHA นาน ๆ นั้น จะเซนสิทีฟกับรังสี UV ได้เหมือนกัน

What-is-BHA-05

BHA เหมาะกับผิวประเภทไหน?

ทั้งAHA และBHA ต่างก็เป็นตัวช่วยในการขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายไปแล้ว ต่างกันตรงที่ AHA จะละลายในน้ำ ในขณะที่ BHA จะละลายในน้ำมัน ทำให้BHA สามารถแทรกซึมเข้าไปในชั้นผิวได้ดีกว่า โดยที่ไม่ทำให้ผิวอุดตันด้วย จึงเหมาะกับผู้ที่มีสภาพผิว ดังนี้

  • คนที่มีผิวมัน
  • คนที่มีรูขุมขนกว้าง
  • คนที่เป็นสิว

สรุปได้ว่าBHAสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดเหมือนกัน แต่หน้าที่หลักไม่ใช่ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แต่มีหน้าที่ทำความสะอาด และละลายน้ำมันส่วนเกินในรูขุมขน หรือหัวสิวออกมานั่นเอง

เปรียบเทียบหน้าที่หลัก AHAกับBHA

เปรียบเทียบAHA กับ BHA-06

จบไปแล้วความแตกต่างระหว่าง AHA คืออะไร และต่างกับ BHA อย่างไร คงทำให้หลาย ๆ คนคงเข้าใจแล้วว่า ผิวแบบเราเลือกใช้ตัวไหนดี แต่ละตัวก็มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน แต่ที่สำคัญ คือ ห้ามลืมเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวกันด้วย เพราะเรื่องนี้สำคัญมาก ๆ เพื่อป้องกันอาการแพ้ หน้าแดง หน้าลอกกันนะจ๊ะ

บทความดี ๆ น่าอ่าน:

SGE CHEM ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ต่าง ๆ จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยตรง พร้อมออกแบบบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร การันตีคุณภาพสินค้า พร้อมส่งต่อสินค้าที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า เข้าชมเว็บไซต์ sgechem.com