Argan Oil ฟังดูผิวเผิน หลายคนอาจนึกว่าเป็นแค่น้ำมันชนิดหนึ่ง ที่ใช้ในการทำอาหาร โดยที่อาจไม่รู้เลยว่า มันมีประโยชน์ต่อการบำรุงผิวและเส้นผมของเรามากขนาดไหน ซึ่งยิ่งกระแสเทรนด์รักษ์โลกกำลังมา ก็ยิ่งทำให้ใครต่อใครหันกลับมาใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคอย่าง น้ำมันอาร์แกน กันมากขึ้น

หากอยากรู้ว่า น้ำมันอาร์แกน คืออะไร และจะช่วยบำรุงผิวและเส้นผมได้อย่างไร โดยที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ SGECHEM จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับน้ำมันชนิดนี้ให้มากขึ้น  พร้อมเล่าถึงประโยชน์หลาย ๆ อย่างที่คุณอาจไม่เคยรู้

Argan Oil คืออะไร ?

Argan Oil

Argan Oil เป็นน้ำมันจากธรรมชาติชนิดหนึ่ง ถูกผลิตมาจากเมล็ดของต้นอาร์แกน ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองที่พบได้เฉพาะในประเทศโมร็อคโค มีลักษณะเป็นของเหลวสีเหลืองอ่อนถึงใส ไม่มีกลิ่น มีจุดหลอมเหลวประมาณ 100 องศาเซลเซียส สำหรับองค์ประกอบทางเคมี ประกอบไปด้วยวิตามิน E และกรดไขมันสูง ซึ่งมีทั้งแบบอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว ไม่ว่าจะเป็นกรดโอเลอิก (โอเมก้า 9) กรดไลโนเลอิก (โอเมก้า 6) หรือ กรดปาลติมิก

ซึ่งด้วยความที่ กรดโอเลอิก มีลักษณะคล้ายกับกรดไขมันที่อยู่ในเซลล์ผิวของร่างกายคนเรา  จึงทำให้สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย เลยมักถูกนำมาเป็นใช้ส่วนผสมในเครื่องสำอาง แชมพู ครีมนวด ทรีตเมนต์ เพื่อบำรุงผิวและเส้นผม ให้มีความเนียนนุ่มชุ่มชื้น แข็งแรง มีสุขภาพดี จากคุณประโยชน์ที่มากมาย บวกกับต้นอาร์แกน 1 ต้น จะสกัดออกมาเป็นน้ำมันได้เพียง 250 มิลลิลิตรต่อ 1 ปีเท่านั้น ทำให้ได้รับการขนานนามว่า “The Liquid Gold” โดยน้ำมันอาร์แกน 1 ลิตร ปัจจุบัน มีราคาสูงมากถึง 300 ดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว

Argan Oil ถูกผลิตอย่างไร

Argan Oil

ปัจจุบัน น้ำมันอาร์แกน จะถูกผลิตออกมาจากประเทศโมร็อคโคเท่านั้น เนื่องจากถึงแม้จะมีการนำไปทดลองปลูกในที่อื่น แต่ก็พบว่าไม่สามารถเติบโต ต้นอาร์แกนจึงยังคงปลูกได้เฉพาะที่โมร็อคโคเท่านั้น โดยกรรมวิธีการผลิตแบบโบราณ ชาวบ้านจะรอให้ผลของต้นอาร์แกนตกลงสู่พื้นเท่านั้น จากนั้น จึงรอให้สีของเปลือก เปลี่ยนจากสีเขียวกลายเป็นสีน้ำตาล แล้วจึงค่อยเก็บขึ้นมา พอเก็บเสร็จแล้ว ผลของต้นอาร์แกนจะถูกนำมาตากแดดให้แห้ง แล้วนำไปกะเทะเปลือกออก ให้ได้ตัวเมล็ดออกมา เสร็จแล้ว จึงกะเทาะเปลือกเมล็ดออกอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้ได้เมล็ดของต้นอาร์แกนที่อยู่ภายใน เมื่อนั้น ตัวเมล็ดจะถูกนำไปบดด้วยเครื่องบดแบบท้องถิ่นของชาวโมร็อคโค ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ถึงจะได้น้ำมันอาร์แกนออกมา โดยน้ำมันอาร์แกน 1 ลิตรนั้น จะต้องใช้เมล็ดของต้นอาร์แกนถึง 20 กิโลกรัมเลยทีเดียว

สำหรับในยุคสมัยใหม่ มีการใช้เครื่องจักรเข้าช่วยในการสกัดน้ำมัน ทำให้การผลิตน้ำมันอาร์แกนทำได้ง่ายขึ้น โดยตัวผลของต้นอาร์แกนจะถูกคัดเลือกด้วยมือจากชาวบ้านในท้องถิ่น จากนั้น จึงนำมาผ่านกระบวนการผลิตภายใน 12 ชั่วโมง จนได้น้ำมันอาร์แกนออกมา โดยกรรมวิธีมี 2 แบบด้วยกันคือ การสกัดเย็น จะได้น้ำมันอาร์แกนที่บริสุทธิ์ โดยที่ยังคงวิตามินและกรดไขมันที่มีประโยชน์อยู่ภายใน จึงถูกใช้สำหรับนำมาผลิตเครื่องสำอางโดยเฉพาะ กับอีกวิธีหนึ่งก็คือ การคั่วแล้วค่อยนำมาสกัดเป็นน้ำมัน วิธีนี้จะทำให้วิตามินและกรดไขมันบางส่วนหายไป น้ำมันอาร์แกนที่ได้จากส่วนนี้ ส่วนใหญ่จึงนิยมนำไปเป็นน้ำมันสำหรับทำอาหาร

ประโยชน์ของ น้ำมันอาร์แกน

น้ำมันอาร์แกน

1. ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

Argan Oil สามารถใช้ทาผิวโดยตรงได้เลย เนื่องจากเป็นน้ำมันจากธรรมชาติ ที่มีกรดไขมันคือ กรดโอเลอิก ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับกรดไขมันที่อยู่ในเซลล์ผิวของร่างกายคนเรา ทำให้สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย ไม่ทิ้งคราบเหนียวเหนอะหนะ และด้วยความที่มีกรดไลโนเลอิกสูง ถึง 35-40 เปอร์เซ็นต์ เมื่อทาน้ำมันอาร์แกนลงไป จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เหมาะกับผู้ที่มีสภาพผิวแห้ง ผิวแตกง่าย

2. ลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย

ในน้ำมันอาร์แกน มีวิตามิน A และ E สูง จึงช่วยลดเลือนริ้วรอยก่อนวัยได้ รวมถึงรอยเหี่ยวย่นต่าง ๆ ซึ่งด้วยความที่ไม่มีสารกันเสียหรือสารเคมีใด ๆ ทำให้มีความอ่อนโยนต่อจุดบอบบางบนใบหน้า จึงสามารถทาบริเวณรอบดวงตา หรือ ใต้ตาได้สบาย โดยวิธีใช้ ให้น้ำมันอาร์แกน 1 หยดลงบนฝ่ามือ แล้วทาบนใบหน้าเบา ๆ จากดั้งจมูกขี้นไปจนถึงขมับ จากนั้น หยดและทาอีกจุดบริเวณรอบดวงตาหรือใต้ตาเบา ๆ

3. แก้ปัญหาผิวแตกลาย

ผิวแตกลายเกิดขึ้นได้ หากคุณเป็นคนอ้วนหรือว่าเป็นผู้หญิงตั้งครรภ์ ซึ่งถ้าไม่อยากให้ผิวบริเวณท้อง สะโพกหรือต้นขา เกิดการแตกลาย ให้ทาน้ำมันอาร์แกนบริเวณนั้น จะช่วยลดเลือนอาการผิวแตกลายได้ เพราะมีกรดไลโนเลอิก ที่มีคุณสมบัติทำให้ผิวยืดหยุ่น ลดแรงตึงของผิวหนัง ช่วยฟื้นคืนให้ผิวกลับมาเรียบเนียนเสมอกันได้อีกครั้ง ทั้งนี้ สำหรับคุณแม่มือใหม่ ควรใช้หลักจากตั้งครรภ์แล้ว อย่างน้อย 3 เดือนนะ

4. บำรุงผมให้นุ่มลื่น สุขภาพดี

น้ำมันจากธรรมชาติส่วนใหญ่ สามารถนำมาใช้บำรุงผมให้นุ่มลื่น สุขภาพดีได้ทั้งนั้น ซึ่งเจ้า Argan Oil ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งด้วยความที่มีวิตามิน E และกรดไลโนเลอิกที่มีความเข้มข้นสูง จึงทำให้บำรุงผมได้ดีกว่าน้ำมันอื่น ๆ ดังนั้น หากมีปัญหาผมแห้ง แตกปลาย อยู่ละก็ ลองใช้น้ำมันอาร์แกนหมักผม หรือผสมกับครีมนวดเป็นประจำ ก็จะช่วยให้ผมเรียบ สวย มีน้ำหนัก สละสวยขึ้นแน่นอน

5. รักษาริมฝีปากให้ชุ่มชื้น

หากใครมีปัญหาริมฝีปากแห้ง แตกเป็นขุย ทาลิปสติกแล้วไม่สวย แตกเป็นร่อง สามารถใช้น้ำมันอาร์แกนทาริมฝีปากเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นได้ โดยให้หยดประมาณ 1 หยดแล้วทาริมฝีปากและเช็ดส่วนเกินออก เมื่อทาลงไปแล้ว ไม่เพียงแต่บรรเทาริมฝีปากแตก แต่ยังช่วยให้ริมฝีปากนุ่มนวลน่าหลงใหล และช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวตรงริมฝีปากดูเปล่งปลั่ง อวบอิ่มกว่าที่เคย

6. บำรุงมือและเท้าให้ผิวเนียนนุ่ม สุขภาพดี

น้ำมันอาร์แกน สามารถใช้ทามือและเท้า เพื่อให้ผิวบริเวณนั้น มีความเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นมากขึ้นได้ เพราะทุกวันเราต้องใช้อวัยวะทั้ง 2 นี้แทบจะตลอดเวลา อันอาจทำให้ผิวแห้ง แตก แข็งกระด้างได้ การทาน้ำมันอาร์แกน จะช่วยบำรุง ฟื้นคืนความอ่อนนุ่มให้กับผิวบริเวณนั้น ให้กลับมามีสุขภาพดีได้อีกครั้ง นอกจากนี้ ยังสามารถใช้บำรุงเล็บ เพื่อขจัดเอาเซลล์ผิวที่ตายบริเวณเล็บออกได้อีกด้วย

7. ใช้ในการทำอาหาร

นอกจากประโยชน์ในด้านการบำรุงผิวและเส้นผม น้ำมันอาร์แกน สามารถนำมาใช้ทำอาหารได้ เฉกเช่นเดียวกับน้ำมันจากธรรมชาติทั่วไป เพียงแต่น้ำมันอาร์แกนที่ใช้นั้น จะเป็นคนละชนิดกับน้ำมันอาร์แกนที่ใช้เป็นส่วนผสมในสกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมอื่น ๆ เพราะจะถูกผลิตจากผลอาร์แกนที่ถูกคั่วก่อน แล้วค่อยนำมาสกัดเป็นน้ำมัน ทำให้เหลือวิตามินหรือกรดไขมันน้อยกว่า น้ำมันอาร์แกนที่ถูกผลิตด้วยวิธีการสกัดเย็น อย่างไรก็ตาม ก็ยังถือว่าเป็นน้ำมันชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ เหมาะกับการนำมาใช้ในการทำอาหาร

น้ำมันอาร์แกน นำมาทำอะไรได้บ้าง

น้ำมันอาร์แกน

ด้วยประโยชน์ที่มากมาย โดยเฉพาะการบำรุงผิว ที่สามารถช่วยให้ผิวชุ่มชื้น สุขภาพดี ตลอดจนลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย และแก้ปัญหาผิวแตกลายต่าง ๆ ทำให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวส่วนใหญ่ ล้วนนำ Argan Oil มาเป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะเป็น มอยส์เจอร์ไรส์เซอร์ หรือ โทนเนอร์ ในส่วนของผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมก็เช่นกัน มีการนำน้ำมันอาร์แกน มาเป็นส่วนผสมในแชมพู ครีมนวดผม หรือ ทรีตเมนต์ ด้วย

โดยในปัจจุบัน ด้วยกระแสออร์แกนิคบิวตี้กำลังมา ซึ่งเติบโตขึ้นควบคู่กับเทรนด์รักษ์โลก ที่เน้นการใช้สกินแคร์แบบเน้นการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติมากที่สุด เพื่อลดการปนเปื้อนของสารเคมีที่อาจส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในขั้นตอนของกระบวนการผลิต ตลอดจนผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้งานของผู้บริโภคเอง นั่นจึงทำให้มีการผลิตสกินแคร์จากน้ำมันอาร์แกนออกมาจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะในรูปแบบของ คลีนเซอร์ คลีนซิ่ง โทนเนอร์ หรือ มอยส์เจอร์ไรส์เซอร์ ทั้งนี้ ก็เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้า ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องการสกินแคร์ที่มาจากธรรมชาติ ที่กำลังเติบโตขึ้นมากในปัจจุบัน

หากใครกำลังมองหา ผลิตภัณฑ์สกินแคร์จากธรรมชาติ อยู่ละก็ ผลิตภัณฑ์จาก Argan Oil ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว เพราะสามารถบำรุงผิวได้ทุกส่วน ตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปราศจากสารเคมีและวัตถุกันเสียด้วย ลองซื้อมาใช้และทดลองกันดูได้ บางทีคุณอาจจะติดใจ จนไม่หวนกลับไปใช้สกินแคร์แบบเดิม ๆ อีกก็เป็นได้

สำหรับใครที่สนใจอยากผลิตสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Argan Oil สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ SGECHEM เพราะเราเป็นโรงงาน OEM ที่ผลิตอาหารเสริมและเครื่องสำอางครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ไปจนถึงการออกแบบ สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ และมีบริการจดทะเบียน อย. ให้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเครื่องสำอางของคุณถูกต้องตามกฏหมาย สามารถวางขายแข่งขันทางการตลาดได้อย่างสบายหายห่วง หากสนใจสามารถคลิกลิ้งก์เว็บไชต์ที่ https://sgechem.com/ หรือติดต่อทางโทรศัพท์ หรือ Line ของเราได้เลย