เรียบเรียงโดย ด็อกเตอร์อั้ม (Dr. Aum)

มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) สำคัญต่อผิวอย่างไร? เลือกแบบไหนให้เหมาะสม

เมื่อพูดถึง มอยส์เจอไรเซอร์ หรือ Moisturizer ที่มักจะพบในสกินแคร์ดูแลผิวต่าง ๆ หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้จักว่า Moisturizer คืออะไร? มีความสำคัญสำหรับผิวอย่างไรบ้าง? บทความนี้ SGE CHEM จะพาไปทำความรู้จักกับ มอยส์เจอไรเซอร์ พร้อมวิธีเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ให้เหมาะกับผิวกัน

Moisturizer คือ?

Moisturizer (มอยส์เจอไรเซอร์) มีความสำคัญอย่างมากในการดูแลผิว คอยรักษา และป้องกันการสูญเสียน้ำผ่านชั้นผิวหนังนอกสุด (Epidermis) หรือที่เรียกว่า TEWL (Trans Epidermal Water Loss) ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำ อีกทั้งยังทำให้มีผิวที่เนียนนุ่ม น่าสัมผัส และยังลดกันปัญหาผิวแห้ง ผิวแตกด้วย

Moisturizer-มอยส์เจอไรเซอร์-02

อย่างไรก็ตาม การแบ่งประเภทของมอยส์เจอไรเซอร์นั้นมีหลายแบบ อาจจำแนกตามประเภทของเนื้อสัมผัส เช่น โลชั่น ครีม ขี้ผึ้ง หรืออาจจำแนกตามองค์ประกอบ เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ประเภทฐานน้ำมัน (Oil-based moisturizer) และมอยส์เจอไรเซอร์ ประเภทฐานน้ำ (Water-based moisturizer) โดยแต่ละเนื้อสัมผัสจะแตกต่างกันไปขึ้นกับสภาพผิวของแต่ละคน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น ควรเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของตัวเองด้วย

ประเภทของ Moisturizer

โดยปกติทั่วไปมอยส์เจอไรเซอร์ ประกอบไปด้วย 3 ประเภท ขึ้นอยู่กับส่วนประกอบ ดังนี้

ประเภทมอยส์เจอไรเซอร์-03

1. Humectants

เป็นสารดึงน้ำ ที่จะคอยดึงน้ำจากชั้นผิวชั้นใน และน้ำในอากาศสู่ผิวชั้นนอก ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น แต่ขาดความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ จึงต้องผสมกับสารประเภทอื่น เพื่อให้สามารถดึงน้ำ และรักษาความชุ่มชื้นไว้ได้ ป้องกันการเกิด TEWL ส่วนใหญ่เป็นสารจำพวก

  • Glycerin
  • Propylene glycol
  • Hyaluronic acid
  • Alpha Hydroxy Acids  (AHAs)
  • Sorbitol
  • Urea

ข้อควรระวัง: การใช้กลุ่ม Humectant เพียงตัวเดียวในช่วงที่ความชื้นในอากาศต่ำ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแห้งเสีย จะไม่สามารถช่วยลดปัญหาผิวแห้งเสียได้ดีเท่าที่ควร จำเป็นที่จะต้องใช้ควบคู่ไปกับสารเพิ่มความชุ่มชื้นตัวอื่น ๆ ข้างต้น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่านั่นเอง

2. Occlusives

เป็นสารที่ป้องกันการระเหยของน้ำ จะคอยกักเก็บน้ำไว้ในผิว ในขณะที่ Humectant คอยดึงน้ำเข้าสู่ผิวนั้น Occlusive จะเป็น Barrier ที่กันน้ำไม่ให้ออกจากผิว โดยจะเคลือบอยู่ที่ผิวชั้นนอก ข้อเสีย คือ ทำให้หนักผิว ในบางสภาพผิวอาจทำให้เกิดการอุดตันได้ ส่วนใหญ่เป็นสารจำพวก

  • Petrolatum
  • Mineral Oil
  • Paraffin
  • Dimethicone
  • Vaseline

3. Emollients

เป็นสารที่ให้ความนุ่มนวล ปกป้อง และบำรุงผิวที่แห้ง และหยาบกร้าน ซึ่งจะเติมร่องผิวชั้นนอก ช่วยให้ผิวเรียบ เนียนนุ่ม สารกลุ่มนี้จะทำหน้าเคลือบร่องผิวในชั้นหนังกำพร้า จึงช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ระดับหนึ่ง แต่ประสิทธิภาพในการกักเก็บความชุ่มชื้นน้อยกว่า Occlusives และ Humectants โดยสารกลุ่ม Emollient ที่พบในสกินแคร์บ่อย ๆ คือ

  • Dimethicone Copolyol
  • Choleserol
  • Cocao Butter
  • Ceramides
  • Castor Oil

เลือกมอยส์เจอไรเซอร์แบบไหนให้เหมาะกับผิว

การเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวมีสุขภาพดี โดยหลักการพื้นฐาน สำหรับการเลือกผลิตภัณฑ์ดูเเลผิวหน้า คือ ผลิตภัณฑ์นั้นควรปราศจากน้ำหอม สารกระตุ้นการแพ้ หรือสารก่อการระคายเคือง และไม่ก่อให้เกิดสิว เพราะองค์ประกอบดังกล่าว หากมีในตำรับอาจส่งผลต่อสุขภาพผิวได้นั่นเอง

เลือกมอยส์เจอไรเซอร์-04

โดยส่วนผสมของ มอยเจอร์ไรเซอร์ จะเป็นตัวกำหนดเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ การเลือกที่เนื้อสัมผัส จะทำให้สามารถเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของเราได้ สำหรับการเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ ให้เหมาะสมกับสภาพผิวนั้น แยกตามประเภทของผิวหน้า ดังนี้

  • ผิวธรรมดา (Normal skin) เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้ตามความชอบ จะเป็นส่วนผสมระหว่าง Humectant กับน้ำมัน ก็ช่วยเติมเต็มผิวให้คงความชุ่มชื้น ให้มีผิวที่เรียบ เนียนนุ่ม และดูอวบอิ่ม
  • ผิวแห้ง (Dry skin) ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ ควรอยู่ในรูปแบบของครีม และ Oil-based Moisturizer เนื่องจาก คนผิวแห้งส่วนใหญ่ มีผิวที่ขาดน้ำมัน จะได้ช่วยฟื้นฟูผิว และรักษาความชุ่มชื้นได้
  • ผิวมัน (Oily skin) ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ ควรอยู่ในรูปแบบของเจล และปราศจากน้ำมัน จะเป็นพวก Water-based Moisturizer หรือ Humectant จะมีความบางเบา ซึมซาบง่าย และไม่ทำให้เกิดการอุดตัน
  • ผิวผสม (Combination skin) จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแห้ง หรือผิวมันก็ได้ อาจจะลองใช้แบบเจลในส่วนที่มัน และแบบครีมในส่วนที่แห้ง ลองปรับใช้อย่างเหมาะสมให้ผิวคงความชุ่มชื้น และไม่เกิดการอุดตัน
  • Oil-based moisturizer หรือ มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลัก เหมาะกับผิวที่ต้องการความชุ่มชื้นมาก ๆ เช่น คนผิวแห้ง – ผิวแห้งมาก คนที่อยู่ห้องแอร์เย็นจัดเป็นเวลานาน หรือผิวบริเวณหัวเข่า ตาตุ่ม ข้อศอก ที่มักแห้ง และแข็งกว่าผิวบริเวณอื่น ๆ
  • Water-based moisturizer หรือ มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก เหมาะกับคนผิวธรรมดา – ผิวมัน ที่ผิวขาดน้ำ และต้องการเติมความชุ่มชื้น แต่ไม่เพิ่มความมัน เพราะผิวผลิตน้ำมันออกมาเพียงพอแล้ว หากใช้ Oil-based moisturizer อาจทำให้อุดตันได้

ไขข้อสงสัย ชาย-หญิง ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เหมือนกันไหม?

หลาย ๆ คนคงสงสัยว่า ทำไมสกินแคร์ตามท้องตลาดถึงมีทั้งแบบของผู้หญิง และของผู้ชาย มีความต่างกันอย่างไร และใช้ร่วมกันได้ไหม ดังนี้

มอยส์เจอไรเซอร์ผู้หญิงผู้ชาย-05

ผิวของผู้หญิง

  • มีผิวที่บอบบางกว่าผู้ชาย
  • ผิวจะสูญเสีย Collagen ได้ง่ายกว่าผู้ชาย เพราะว่าผู้หญิง มีคอลลาเจนในชั้นผิวน้อยกว่า และง่ายต่อการถูกทำลายจากมลภาวะต่าง ๆ ได้
  • ผิวแก่เร็ว เพราะมีผิวบาง มีคอลลาเจนน้อย ทำให้เกิดริ้วรอย และความเหี่ยวย่นได้ง่าย
  • ผิวไม่มันเท่าผู้ชาย เพราะมีฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรน (Testosterone) น้อยกว่า แต่จะมีฮอร์โมนเพศหญิง เอสโตรเจน (Estrogen) เยอะกว่า ทำให้ผู้หญิงมีต่อมไขมันขนาดเล็ก จึงส่งผลให้มีรูขุมขนที่เล็กกว่า และผิวมันน้อยกว่านั่นเอง
  • ผิวเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ช่วยในเรื่องความเปล่งปลั่งของผิวได้
มอยส์เจอไรเซอร์ผู้หญิงผู้ชาย-06

สกินแคร์สำหรับผู้หญิง

  • มีส่วนผสมของ Vitamin A C E และแลคติก เอซิด
  • มีส่วนผสมช่วยลดเลือนริ้วรอย ซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลาย ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น
  • สกินแคร์ของผู้หญิงส่วนใหญ่ จะเน้นในเรื่องของกลิ่นที่หอมหวาน และความสวยงามของแพ็คเกจ รวมไปถึงสีสันของตัวผลิตภัณฑ์ด้วย

ผิวของผู้ชาย

  • ผู้ชายมีผิวที่หนากว่าผู้หญิงถึง 25%
  • มี Collagen ที่มากกว่าผู้หญิง เมื่อผู้ชายอายุมากขึ้น จะมีโอกาสสูญเสีย คอลลาเจนได้น้อยกว่าผู้หญิงอีกด้วย
  • ผิวแก่ช้า เพราะว่ามีผิวที่หนา และมีคอลลาเจน เยอะกว่า ทำให้ผิวมีโอกาสถูกทำลายได้น้อยกว่าผู้หญิง
  • มีรูขุมขนกว้าง ผิวมัน มากกว่าผู้หญิง เพราะมีฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรน (Testosterone) เยอะกว่าผู้หญิง
  • ผิวขาดน้ำได้ง่ายกว่าผู้หญิง
มอยส์เจอไรเซอร์ผู้หญิงผู้ชาย-07

สกินแคร์สำหรับผู้ชาย

  • จะมีมอยเจอร์ไรเซอร์ เป็นส่วนผสมหลัก ช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดี และเร็วขึ้น
  • มีน้ำมันมิเนอรัล (Mineral Oil) ที่ช่วยให้ผิวเก็บกักความชุ่มชื้นให้ผิวได้
  • มีกลีเซอรีน (Glycerin) ที่ช่วยให้ผิวชั้นนอกคงความชุ่มชื้นไว้ได้

สรุปได้ว่า ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย สามารถใช้ครีมบำรุงผิวร่วมกันได้ แต่อาจจะให้ผลลัพธ์ต่อผิวได้ไม่เต็มที่ โดยเฉพาะผิวหน้า เพราะว่า ชั้นผิวหนังของผู้หญิง และผู้ชาย มีความแตกต่างกันมาก หากไม่ใช้สกินแคร์โดยเฉพาะของแต่ละสภาพผิว อาจทำให้ผิวหน้าได้รับการดูแลที่ไม่มากพอ เช่น ผิวหน้าผู้ชาย จะมีความหนากว่าผู้หญิง  ทำให้มีคอลลาเจนมากกว่า และสามารถผลิตน้ำมันในผิวได้เยอะกว่า และมีรูขุมขนที่ใหญ่กว่า หากใช้สกินแคร์ของผู้หญิง อาจทำให้เกิดสิว และมีริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่ายนั่นเอง

เคล็ดลับดี ๆ ในการดูแลผิวแบบง่าย ๆ

นอกจากการเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ให้เหมาะสมกับประเภทผิวต่าง ๆ แล้ว ควรดูเเลผิวด้วยวิธีอื่น ๆ ร่วมด้วย ดังนี้

  • ควรใช้ครีมกันเเดด เนื่องจาก เมื่อผิวเจอกับแสงแดดที่มากเกินไป อาจส่งผลให้เกิดริ้วรอย ความหมองคล้ำได้
  • ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการพักผ่อนอย่างเพียงพอ จะทำให้ร่างกายซ่อมแซม และฟื้นฟูส่วนที่สึกหรอได้ดี
  • ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้เกิดริ้วรอย และความหมองคล้ำได้
  • ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ หรือประมาณ 8 แก้วต่อวัน เพื่อทำให้ผิวไม่แห้ง ดูเต่งตึง และอิ่มน้ำ
  • ควรจัดการความเครียดในชีวิตประจำวัน เพราะความเครียดอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดริ้วรอย และความหมองคล้ำ
Moisturizer-มอยส์เจอไรเซอร์-08

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะสภาพผิวแบบไหน การใช้ มอยเจอร์ไรเซอร์ กับผิวนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญ การที่จะเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม อาจจะพิจารณาได้จากสภาพผิว ไม่ว่าจะมีสภาพผิวแบบไหน การให้ความชุ่มชื้นต่อผิวเป็นประจำทุกวัน เป็นส่วนสำคัญในการดูแลผิวให้มีสุขภาพดี และแข็งแรงนั่นเอง

บทความดี ๆ น่าอ่าน:

SGE CHEM ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ต่าง ๆ จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยตรง พร้อมออกแบบบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร การันตีคุณภาพสินค้า พร้อมส่งต่อสินค้าที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า เข้าชมเว็บไซต์ sgechem.com