เรียบเรียงโดย ด็อกเตอร์อั้ม (Dr. Aum)

รู้จักกับ “คอลลาเจน (Collagen)” คืออะไร? ทานอย่างไรถึงได้ผล!

เรามักจะได้ยินคนพูดถึงผลิตภัณฑ์ “คอลลาเจน (Collagen)” ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในเรื่องผิวพรรณและความงาม หลายคนจะต้องนึกถึงเรื่องความขาวกระจ่างใส ความอ่อนเยาว์ของผิวพรรณ รวมถึงเป็นหนึ่งในส่วนผสมของเครื่องสำอาง เครื่องดื่ม ฯลฯ แต่รู้ไหมว่าคอลลาเจนไม่ได้มีดีเพียงแค่เรื่องของผิวพรรณ แต่ยังมีความพิเศษและประโยชน์อีกมากมายที่ซ่อนอยู่ กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายสูงสุด

วันนี้ SGE CHEM จะพาไปรู้จักคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ ของคอลลาเจนให้มากขึ้นกันดีกว่า

คอลลาเจน (Collagen) คืออะไร?

Collagen คือ เส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่คล้ายกาวเกาะยึดส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เป็นองค์ประกอบหลักของผิวหนัง ขน และเส้นผม ช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น คงความกระชับ เต่งตึง เรียบเนียน จะพบมากบริเวณกระดูกข้อต่อ กระดูกอ่อน รวมถึงเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายของคน และสัตว์

Collagen-02

เมื่อเราทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ปลา หรือผลิตภัณฑ์จากนมเข้าไป โปรตีนนั้น จะถูกย่อยสลายจนแตกตัว และก่อตัวขึ้นใหม่เป็นโปรตีนที่ช่วยในกระบวนการรักษาแผล ซ่อมแซมกล้ามเนื้อ เสริมสร้างความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง ซึ่งนั่นก็คือคอลลาเจน นั่นเอง

ประเภทของคอลลาเจน

  • คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) เป็นคอลลาเจนที่มีปริมาณมากที่สุด สามารถพบได้มากกว่าร้อยละ 90 ในร่างกาย เช่น บริเวณผิวหนัง เส้นผม กระดูก เนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ช่วยไม่ให้เนื้อเยื่อฉีกขาด
  • คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) หรือคอลลาเจนสำหรับกระดูก จะมีความยืดหยุ่นมากกว่าชนิดที่ 1 พบได้ในบริเวณกระดูกอ่อน หรือข้อต่อ เช่น ส่วนประกอบของหู จมูก หลอดลม และกระดูกซี่โครง ทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ให้มีจำนวนมากขึ้น สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และบริเวณข้อต่อได้
  • คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) มีบทบาทสำคัญในการสร้างกล้ามเนื้อ ลดอาการบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อ พบได้ในบริเวณผิวหนัง กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด

คอลลาเจนกับผิวพรรณ เป็นอย่างไร?

เคยสงสัยไหมว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ มักจะพูดถึงคอลลาเจนกันมาก ซึ่งในช่วงอายุ 20 ต้น ๆ ผิวหนังของเรา จะประกอบด้วยคอลลาเจนประมาณ 75% แต่ปัจจัยต่าง ๆ รอบตัว เช่น รังสี UV จากแสงแดด, ความเครียด, การพักผ่อนไม่เพียงพอ, การสูบบุหรี่ และรับทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ ทำให้ร่างกายได้รับคอลลาเจนไม่เพียงพอ จนทำให้ผิวหนังเกิดความหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น ไม่เรียบเนียน และเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่ออายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป การสังเคราะห์เส้นใยโปรตีนชนิด จะลดลงถึงปีละ 1.5% เลยทีเดียว

Collagen-03

เรียกได้ว่า ร่างกายมนุษย์ผลิตคอลลาเจนน้อยลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น และเมื่อร่างกายมีไม่เพียงพอ จึงทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น มีริ้วรอย ขาดความยืดหยุ่น และบริเวณข้อต่อ เริ่มไม่แข็งแรง จึงเป็นเหตุผลที่ผู้หญิงหลาย ๆ คน หันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น

คอลลาเจนช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

ส่วนใหญ่ที่มักผู้จะได้ยินตามโฆษณาว่า คอลลาเจนมีส่วนช่วยในเรื่องผิว จะทำให้ผิวดูสดใส ขาวขึ้น กระจ่างเรียบเนียนใสมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ประโยชน์ของคอลลาเจน มีมากว่าเรื่องความสวย แต่ยังมีส่วนช่วยในการดูแลสุขภาพร่างกาย ในทางการแพทย์มีการนำมาใช้รักษาคนไข้มากมาย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการเป็นป่วยเกี่ยวกับโรคกระดูก และข้อ ซึ่งกลไกในการดูแลร่างกาย คือ

  • เมื่อทานคอลลาเจนเข้าไป ลำไส้ จะทำการดูดซึมตัวคอลลาเจนเอาไว้ และจะลำเลียงไปสะสมในส่วนกระดูก และข้อต่อ
  • เมื่อกระดูก และข้อต่อ มีปริมาณคอลลาเจนสะสมมากเพียงพอ จะทำให้อาการอักเสบของกระดูก และข้อลดลง และช่วยชะลอการเสื่อมของข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกายด้วย
คอลลาเจนกับผิวพรรณ-04

ประโยชน์ของคอลลาเจน

  • ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น เต่งตึง กระชับ ให้กับผิว
  • ฝ้า กระ จุดด่างดำ ดูจางลง
  • ริ้วรอยดูจางลง ลดปัญหาผิวแก่กว่าวัย
  • ช่วยดูแลข้อต่อกระดูก รักษาโรคข้อเสื่อม
  • ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และช่วยให้เล็บแข็งแรง
คอลลาเจนกับผิวพรรณ-05

อาการขาดคอลลาเจน

  • ผิวหนังหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีริ้วรอย
  • ผิวบริเวณใต้ตาลึกลง และเกิดร่องแก้ม
  • ปวดกล้ามเนื้อข้อต่อ ข้อเข่า กระดูก
  • ผมร่วง และรากผมอ่อนแอ
  • เลือดหยุดไหลช้า และแผลหายยาก
  • ผิวแห้งกร้าน และลอกเป็นขุย
  • สภาพผิวไม่เรียบเนียนเกิด ฝ้า กระ จุดด่างดำ

เลือกคอลลาเจนให้ปลอดภัยและเห็นผล

การทานคอลลาเจนให้ได้ผลดี และปลอดภัยที่สุด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แนะนำว่า

  • ควรรับประทานคอลลาเจนสายสั้น (Hydrolyzed Collagen) เพราะร่างกายดูดซึมได้ดีกว่าชนิดสายยาว
  • สามารถทานคอลลาเจนเป็นอาหารเสริม ได้ถึง 5,000-7,000 มิลลิกรัมต่อวัน
  • เมื่อทานคอลลาเจนเสริม แนะนำให้ดื่มน้ำตามมาก ๆ เพราะหากดื่มน้ำไม่เพียงพอร่างกายจะไม่สามารถดูดซึม และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้เต็มที่
  • การทานคอลลาเจนร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซี การดูดซึมจะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • เลือกคอลลาเจนที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก จะยิ่งละลายง่าย ไม่มีสารตกค้าง และดูดซึมคอลลาเจนเข้าสู่ผิวได้ดีที่สุด สามารถเช็กได้โดย น้ำ 1 แก้ว ควรจะมีคอลลาเจนไม่น้อยกว่า 10,000 มิลลิกรัม และควรเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้ และมีรับรองมาตรฐานจาก อย. ด้วย เพื่อจะได้เห็นผลกับตัวเรามากขึ้น
  • ควรทานตอนท้องว่าง หรือหลังประมาณ 2-3 ชั่วโมงจะดีที่สุด เพราะระบบของร่างกายจะสามารถดูดซึมคอลลาเจนเข้าร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ถูกกรดในกระเพาะทำลาย
  • ทานคอลลาเจนช่วงเวลาก่อนนอน จะยิ่งช่วยให้เห็นผลที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นเวลาที่ร่างกายของ จะทำหน้าที่ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่าง ๆ และจะสามารถนำสารอาหารจากคอลลาเจนมาใช้ได้อย่างเต็มที่และเกิดผลดีที่สุด
Collagen06

ผลข้างเคียงจากอาหารเสริมคอลลาเจน

คอลลาเจนที่มีขายตามท้องตลาดนั้น มีหลากหลายมากมาย บ้างก็บรรยายสรรพคุณมากมาย แต่รู้ไหมว่า คอลลาเจนก็มีข้อดี-ข้อเสียเหมือนกัน ดังนี้

  • อาจทำให้เกิดอาการแพ้ ในคนที่แพ้โปรตีน หรือแพ้อาหารทะเล ซึ่งคอลลาเจนส่วนใหญ่ทำมาจากสัตว์ทะเลน้ำลึก เช่น สกัดมาจากหอยเป๋าฮื้อ, หอยมุก,ไข่ปลาคาเวียร์ เป็นต้น ดังนั้น ก่อนจะซื้อคอลาเจนมาทาน อย่าลืมอ่านฉลากก่อนทุกครั้ง
  • อาจเสี่ยงต่อสารปนเปื้อน เพราะคอลลาเจนส่วนใหญ่ สกัดมาจากปลาทะเลน้ำลึก มักมีโลหะหนักปนเปื้อนติดมาด้วย เช่น ตะกั่ว ปรอท หรือแม้แต่สารปนเปื้อนอื่น ๆ ติดมาทำให้กลายเป็นสิ่งตกค้างในร่างกายต่อผู้บริโภคได้
  • เสี่ยงต่อโรคไตวาย ไตทำงานหนักได้ หากทานติดกันทุกวัน เพราะโปรตีนจะถูกดูดซึมไว้ที่ไต ไตมีหน้าที่ ขับพวกโลหะหนัก ของเสียออกไป หากทานคอลลาเจนเพิ่มเข้าไปจะเท่ากับเพิ่มภาระให้ไตทำงานหนักขึ้นนั่นเอง หรือบางคนอาจจะเผลอไปกินคอลลาเจนที่เห็นผลระยะสั้น คือ ช่วยในเรื่องผิวขาว ที่มีส่วนผสมกลูต้าไธโอน หรือกลูต้าผิวขาว หรือเรียกสั้น ๆ ว่า สารปรอท ดังนั้น คอลลาเจนไม่ควรทานติดต่อกันหลายวัน
  • อาจทำให้ระดับปริมาณแคลเซียมที่สูงเกินไป ผลข้างเคียงของอาหารเสริมคอลลาเจน หรือคอลลาเจนชนิดเม็ดที่มาจากแหล่งทางทะเล เช่น กระดูกอ่อนปลาฉลาม และสัตว์น้ำที่มีเปลือก จะมีปริมาณแคลเซียมที่สูง จะไปเพิ่มระดับแคลเซี่ยมต่อผู้ทานอาหารเสริม ดังนั้น การทานอาหารเสริมที่มีแคลเซียมพร้อมกับคอลลาเจนชนิดเม็ด ควรทานอย่างระมัดระวัง

โดยค่าของแคลเซียมปกติ จะอยู่ช่วงระหว่าง 8.5-10.2 mg/dl แต่ถ้าวัดได้มากกว่า 10.2 mg/dl ถือว่าเป็น Hypercalcemia คือ การที่มีแคลเซียมมากเกินไปในร่างกาย จะเป็นสาเหตุให้เกิดอาการท้องผูก ปวดกระดูก อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน และหัวใจเต้นผิดปกติ

  • รสชาติอาจไม่ถูกปากได้ เพราะอาหารเสริมคอลลาเจนชนิดรับประทาน จะมีรสชาติ และกลิ่นที่คาว อาจทำให้หลาย ๆ คนไม่ชอบได้ และควรหลีกเลี่ยงการทานคอลลาเจนผสมกับน้ำผลไม้ เพราะกรดจากน้ำผลไม้ เช่น ส้ม แอปเปิล องุ่น และมะเขือเทศ สามารถลดความเข้มข้น และคุณภาพในอาหารเสริมคอลลาเจนได้เช่นกัน

แนะนำสินค้า คอลลาเจน เปปไทด์ ด็อกเตอร์อั้ม

คอลลาเจน เปปไทด์ ถือเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่น่าสนใจ สกัดจากปลาน้ำจืด ไม่มีการปนเปื้อนโลหะหนัก มีใบรับรอง COA, MSDS จากญี่ปุ่น สามารถลองไปเลือกซื้อกันได้ การันตีคุณภาพ ปลอดภัย มี อย. ขอแนะนำ “คอลลาเจน เปปไทด์ ด็อกเตอร์อั้ม” ที่การันตีคุณภาพ จากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง

Collagen Dr.Aum-07

สนใจสินค้า คอลลาเจน เปปไทด์ ด็อกเตอร์อั้ม คลิกเลย SHOPEE SGECHEM STORE หรือ SGECHEM OFFICIAL WEBSITE

อย่างไรก็ตาม สุขภาพร่างกายไม่ได้มีอะไหล่ให้เปลี่ยนเหมือนรถยนต์ ควรหมั่นดูแลตัวเองด้วยสิ่งดี ๆ และควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่จะดีที่สุด การเลือกทานคอลลาเจนหรืออาหารเสริมต่าง ๆ ก็ถือเป็นตัวเลือกอีกทาง ดังนั้น ควรศึกษาข้อดี-ข้อเสียของแต่ละผลิตภัณฑ์ให้ดีก่อนเลือกรับประทาน เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของเราด้วย

บทความดี ๆ น่าอ่าน:

SGE CHEM ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ต่าง ๆ จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยตรง พร้อมออกแบบบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร การันตีคุณภาพสินค้า พร้อมส่งต่อสินค้าที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า เข้าชมเว็บไซต์ sgechem.com