สครับผิว เป็นวิธีดูแลผิวอีกแบบหนึ่ง ที่ถ้าใครอยากมีผิวดูสุขภาพดีแล้วละก็ ควรจะต้องทำให้ติดเป็นนิสัย แต่ถ้าใครยังเป็นมือใหม่ อาจจะสงสัยว่า จริง ๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่ และมีความจำเป็นหรือไม่ ในเมื่อปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์มากมายที่เพียงแค่ทาลงบนผิว ก็สามารถบำรุงได้เหมือนกัน

หากใครสงสัยว่า สครับผิว คืออะไร SGECHEM จะพามาหาคำตอบ พร้อมกับเผยเคล็ดลับการขัดผิวให้กระจ่างใสด้วยตัวเอง

สครับผิว คืออะไร

สครับ

สครับผิว ก็คือ การขัดหรือถู เพื่อทำความสะอาดผิวหนังตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ให้เกิดการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวใหม่ ทดแทนเซลล์ผิวเก่าที่ตายไป ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ จะช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส เนียนนุ่ม ลดปัญหาการอุดตันของสิ่งสกปรกตามรูขุมขน ซึ่งมักเป็นสาเหตุของการเกิดปัญหาบนผิวหนังตามมาเช่น สิวอุดตัน ผิวหมองคล้ำ ผิวแห้งกร้าน สุขภาพผิวไม่ดี เป็นต้น

โดยวัตถุดิบที่สามารถนำมาสครับผิว มีทั้งแบบมีที่มาจากธรรมชาติ เช่น กากกาแฟ น้ำตาล เกลือทะเล น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอัลมอนด์ น้ำผึ้ง และแบบที่ทำมาจากกระบวนการทางเคมีคือ เม็ดพลาสติก (Micro beads) ซึ่งถึงแม้ว่าแบบเม็ดพลาสติก จะหาซื้อง่าย ราคาถูก สามารถใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องนำวัตถุดิบมาผสมให้ได้สัดส่วน เหมือนกับสครับจากธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม การใช้สครับจากกระบวนการทางเคมี ก็มีโอกาสที่จะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้มากกว่าสครับจากธรรมชาติ

ทำไมต้อง สครับผิว

สครับผิว

เพราะบนผิวหนังของเรา ประกอบด้วยเซลล์ผิวนับล้าน ๆ เซลล์ ซึ่งเซลล์เหล่านี้ เมื่อมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 21 วัน ก็จะเกิดการผลัดเปลี่ยนเซลล์ใหม่ ทำให้ผิวของเราดูสุขภาพดี ดังนั้น หากร่างกายไม่สามารถผลัดเปลี่ยนเซลล์ใหม่ได้ตามกลไกของร่างกายโดยปกติ อันเนื่องมาจากปัจจัยของเรื่องอายุ และพฤติกรรมในการใช้ชีวิตของแต่ละคน ที่ทำให้การผลัดเปลี่ยนเซลล์ ทำงานได้ช้าลง เช่น นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มน้ำน้อย ฯลฯ จะส่งผลให้เซลล์ผิวเก่าและใหม่เกิดการทับซ้อนกัน จนทำให้สิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายไป เกิดการอุดตันตามรูขุมขนได้ง่าย เมื่อนั้น ก็จะทำให้ผิวของเราดูหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส

ด้วยเหตุนี้ จึงต้องทำการสครับผิว เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและกำจัดเซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่ตายแล้วออกไป ฟื้นคืนสภาพผิวให้ดูกระจ่างใสและกลับมาเนียนนุ่มอีกครั้ง โดยการสครับผิว ยังช่วยเปิดรูขุมขนของเราให้กว้าง เป็นการเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงผิวด้วยสกินแคร์ ทำให้เนื้อครีมต่าง ๆ สามารถบำรุงผิวของเราได้อย่างลุ่มลึกมากขึ้นอีกด้วย

สครับผิว ยังไงให้กระจ่างใสด้วยตัวเอง

สครับ

1. อาบน้ำก่อนเป็นอันดับแรก

ถึงแม้การสครับผิว จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิวของเราได้ลึกถึงรูขุมขน แต่ก็ควรอาบน้ำก่อน เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนผิวภายนอก และเป็นการเปิดรูขุมขน ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ช่วยลดอาการระคายเคือง การเกิดรอยช้ำ หรือ แผล ที่อาจเกิดจากการสครับผิวได้

2. ใช้อุปกรณ์ที่อ่อนโยนกับผิว

ระหว่างทำการสครับผิว บางจังหวะ เราอาจหนักมือไป จนทำให้รู้สึกแสบและคัน เกิดอาการระคายเคือง ส่งผลให้ผิวได้รับความเสียหายได้ จึงควรใช้อุปกรณ์ที่อ่อนโยนกับผิว มาใช้ในการขัด ไม่ว่าจะเป็นใยบวบ หรือ ฟองน้ำ ซึ่งระหว่างที่ทำ ควรทำอย่างเบามือ ไม่ต้องแรงมาก ให้ขัดวน ๆ ตรงบริเวณที่ต้องการ เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยให้การขัดผิว เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว

3. ขัดผิวหน้าด้วยมือเท่านั้น

ผิวบนใบหน้า เป็นจุดที่ผิวหนังของเรามีความบอบบางมากที่สุด ดังนั้น ไม่ควรใช้อุปกรณ์ใด ๆ มาขัดผิวหน้าของเราโดยเด็ดขาด ให้ใช้มือของเราในการขัดเท่านั้น โดยให้ใช้มือสครับแบบนวดวน ๆ ในบริเวณที่ต้องการอย่างเบามือก็เพียงพอแล้ว สำหรับคนที่มีสิว ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิว ตรงบริเวณที่มีสิวอยู่ เพื่อไม่ให้เกิดอาการระคายเคือง

4. ระยะเวลาในการขัดผิว

สำหรับระยะเวลาที่ใช้ในการขัดผิวนั้น ไม่ควรนานจนเกินไป โดยผิวบนใบหน้า ให้พอกสครับ แล้วทำการนวดและขัด ประมาณ 3 – 5 นาที ส่วนผิวกายนั้น ให้ใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาที ทั้งนี้ สครับแต่ละผลิตภัณฑ์อาจจะใช้เวลาต่างกัน ก่อนใช้งาน จึงควรอ่านคำแนะนำ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

5. ล้างสครับด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำเย็น

เมื่อสครับผิวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรล้างสครับด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำเย็น เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อาจหลงเหลืออยู่ออกไป

6. เช็ดตัวให้แห้ง แล้วทาโลชั่นบำรุงผิว

หลังจากขัดผิวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นทุกครั้งหลังการสครับผิว เพื่อป้องกันผิวแห้งเสีย โดยโลชั่นที่ใช้ แนะนำให้มีส่วนผสมของวิตามิน C และ E เพื่อกระตุ้นให้ผิวเกิดการฟื้นฟู ผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวได้เร็ว และช่วยเพิ่มความกระจ่างใสได้ดีมากยิ่งขึ้น

ข้อควรระวังในการสครับผิว

สครับผิว

1. ไม่สครับผิวบ่อยเกินไป

เพราะผิวของคนเรามีสภาพไม่เหมือนกัน การสครับผิวบ่อย ๆ อาจทำให้ผิวเสียหายได้ ก่อนสครับผิว จงควรดูก่อนว่า ตนเองมีสภาพผิวอย่างไร โดยหากเป็นคนที่มีสภาพผิวแห้ง ควรสครับผิวสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ส่วนใครมีผิวมัน ควรสครับผิวสัปดาห์ละ 2-4 ครั้ง เนื่องจากคนผิวมัน จะเกิดการผลัดเซลล์ผิวช้ากว่าคนที่มีผิวแห้ง

2. ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับผิวหนังควรหลีกเลี่ยง

การสครับผิวอาจไม่เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่เป็นสิวอักเสบ มีหนอง ผิวไหม้แดด ผิวแตก แห้งแดงหรือบวม ผิวที่กำลังฟื้นฟูจากการลอกผิวด้วยสารเคมี ไปจนถึง ผู้ป่วยโรคเริม หูด และผู้ป่วยโรคโรซาเซีย (Rosacea) ซึ่งเป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่ง ดังนั้น ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนสครับผิว เพราะอาจเสี่ยงเกิดการอักเสบรุนแรงและติดเชื้อที่เป็นอันตรายได้

3. หากเกิดผลข้างเคียง ให้รีบหาแพทย์ทันที

ผลิตภัณฑ์สครับผิว มีทั้งแบบที่ทำมาจากกระบวนการทางเคมี และส่วนผสมจากธรรมชาติ ดังนั้น หากเกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียงจากการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นอาการเล็กน้อย เช่น รู้สึกคัน เจ็บแสบ ระคายเคืองผิว ไปถึงอาการรุนแรงเช่น ผิวไหม้ เป็นลมพิษ รู้สึกคล้ายจะเป็นลม คอบวม หายใจลำบาก ถึงแม้จะพบได้ยาก แต่หากมีอาการควรรีบไปพบแพทย์โดยทันที

อยากบำรุงผิว ให้มีความกระจ่างใส สุขภาพดี การบำรุงด้วยสกินแคร์อาจไม่พอ หากสาว ๆ คนไหน อยากให้ผิวของตัวเองดูดีกว่าที่เคย ลองสครับผิวด้วยตัวเองเพิ่มเติม อาจจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิว และทำให้ผิวของตัวเองกระจ่างใสได้มากกว่าเดิม

สำหรับใครที่อยากมี สครับผิว ไว้จัดจำหน่าย SGECHEM รับผลิต สครับผิว พร้อมผลิต สร้างแบรนด์ จดทะเบียน อย. และจัดจำหน่ายในชื่อของลูกค้าได้ทันที สนใจคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://sgechem.com/ หรือสอบถามผ่านทาง โทรศัพท์ หรือ Line ของเราได้เลย