เรียบเรียงโดย ด็อกเตอร์อั้ม (Dr. Aum)

รู้จัก “ด็อกเตอร์อั้ม” แบรนด์อาหารเสริม คุณภาพดี ราคาเข้าถึงได้ ให้มากขึ้น

แบรนด์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ด็อกเตอร์อั้ม ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น และ ปรากฏให้เห็นตามสื่อออนไลน์ต่างๆ ข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ยังค่อนข้างมีอยู่จำกัด หลายคนก็เริ่มสงสัยจนต้องค้นหาใน Google ว่า ด็อกเตอร์อั้มคืออะไร? ยี่ห้อนี้มีความต้องการทำอะไร? และ สินค้าของเขาช่วยในเรื่องอะไรบ้าง?

บทความนี้ SGE CHEM จะพาไปรู้จัก แบรนด์อาหารเสริมด็อกเตอร์อั้ม ว่ามีอะไรบ้าง เลือกทานอย่างไรให้ได้ประโยชน์ และทำไมเขาโดนใจลูกค้าได้

ปัญหาของ วงการอาหารเสริม ในปัจจุบัน คืออะไร?

ปัจจุบัน คนไทยใช้ชีวิตแบบคนเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ อาหารหลักที่เราทาน ก็อาจจะเลือกซื้อได้ไม่มาก ทำให้เกิดปัญหาขาดสารอาหาร ขาดวิตามิน ขาดแร่ธาตุที่จำเป็น จึงต้องพึ่งพาการทานอาหารเสริมมากขึ้น ซึ่งปัญหาหลักๆ ของวงการอาหารเสริมคือ….

  • อาหารเสริมมีราคาแพง (High Price) อาหารเสริมแบรนด์ดัง มีราคาแพง เช่น วิตามินซี ยี่ห้อดังๆ อาจจะมีราคาถึง 300-500 บาท/ ขวด (ที่ทานได้ 1 เดือน) ตามปกติ คนเราจะไม่ได้เสริมอาหารเสริมกันแค่ตัวเดียว แต่จะต้องเสริมกัน 3-5 ตัว ตามแต่โอกาส ตรงนี้จะเพิ่มค่าใช้จ่ายไปถึง 1000-5000 บาท ต่อเดือน หรือมากกว่าก็มี
  • อาหารเสริมราคาถูก คุณภาพต่ำ (Low Price, Low Quality) เมื่อเราเลือกอาหารเสริม ราคาถูกลง ก็มักเจอปัญหา คุณภาพ คือ ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพต่ำ หรือ มีปริมาณสารอาหารน้อยมาก ไม่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปเลย

ตรงนี้ ด็อกเตอร์อั้ม ก็เริ่มมองเห็นปัญหา โดยถ้ามองจากมุมมอง ของ ราคาจำหน่ายอาหารเสริมเราจะเห็นได้ว่า ราคาขายนั้น ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลักๆ คือ

  • วัตถุดิบอาหารเสริม (Ingredients, Raw Materials) วัตถุดิบคุณภาพดีๆ มีราคาสูงกว่า วัตถุดิบคุณภาพต่ำ การจะซื้อวัตถุดิบดีๆ ในราคาถูก ต้องอาศัยการเจรจาต่อรอง และ การซื้อจำนวน ที่ละมากๆ เพื่อให้ได้ราคาส่ง
  • ค่าโฆษณา (Advertising fee) ปฏิเสธไม่ได้ว่า อาหารเสริม และ เครื่องสำอาง เป็นวงการที่ใช้ค่าโฆษณาสูงมากๆ ถ้าเราจ่ายไป 100 บาท ค่าโฆษณา อาจจะกินไปเเล้ว 50-70 บาท ก็เป็นไป เท่ากับว่า เราจ่ายค่าสินค้าจริงๆ 10-20 บาทเท่านั้น!!!! (อีก 10 บาท เป็นกำไรของผู้ผลิตสินค้า) แต่ถ้าไม่โฆษณาเลย คนก็จะไม่รู้จักสินค้าของเรา การลดต้นทุน ค่าโฆษณาลงได้ และ ยังทำให้สินค้าขายได้นั้น ก็จะเป็นวิธีการทำให้สินค้าอาหารเสริมถูกลงอย่างมาก
  • อัตรากำไรของเจ้าของ (Net profit) หลายคนคงเคยเห็น เจ้าของแบรนด์อาหารเสริมทั้งหลายปรากฏตามสื่อต่างๆ พวกเขาขับรถอะไรกันครับ? มีบ้านแบบไหนครับ? ใช้ชีวิตแบบไหนกันครับ? เราเคยเห็นเจ้าของแบรนด์ อาหารเสริม ขับรถ Ecocar อยู่บ้านหลังเล็กๆ กินข้าวมันไก่ร้านข้างทาง หรือ นั่งเครื่องบินชั้น Economy ไหมครับ? ตรงนี้ มันก็สื่อได้ว่า อาหารเสริมนั้น เป็นสินค้าที่มีอัตราส่วนกำไรมหาศาล ทำกำไรถึงขนาดเจ้าของสามารถซื้อรถ Porsche 911 turbo S คันละ 10 ล้านบาทได้ภายในเวลาไม่กี่เดือน ซึ่งถ้าเจ้าของแบรนด์ ยอมลดอัตราส่วนกำไรลง ผู้บริโภคก็จะสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาถูกลงเช่นกัน
The-Blood-Type-Diet-02

ด็อกเตอร์อั้ม แก้ปัญหาด้านวัตถุดิบ

การจะทำให้อาหารเสริมคุณภาพดี ในราคาเข้าถึงได้ เราจะต้องแก้ปัญหาที่วัตถุดิบ เราต้องเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง โดยเริ่มจากการสืบก่อนว่า แบรนด์ดังๆ ที่มีรีวิวดีๆ นั้น ใช้วัตถุดิบจากเจ้าไหน ซึ่ง ในแบรนด์ใหญ่ที่มีการผลิตเยอะๆ มักไม่ได้พึ่งพาวัตถุดิบจากเจ้าเดียวแน่นอน เพราะ ถ้าเราเพิ่งพา วัตถุดิบเพียง 1 เจ้า เเล้ว เจ้านั้น ดันเกิดปัญหา วัตถุดิบขาดตลาด โรงงานประสบปัญหา เครื่องจักรชำรุด ขนส่งติดขัด มันก็จะกระทบกับแบรนด์ของเขา ทำให้สินค้าขาดตลาดได้ แบรนด์ใหญ่ๆ จึงต้องพึ่งพา ผู้ขายวัตถุดิบอย่างน้อย 2-3 เจ้าเสมอ.

วิธีแก้ปัญหา

เมื่อเราเป็น เจ้าเล็ก (คนตัวเล็ก + ไม่มีชื่อเสียง) เราจึงต้องทำตัวเป็นเหาฉลาม คอยเกาะเจ้าใหญ่ไปด้วย หลายคนที่เจรจาไม่เป็น เวลาซื้อของก็ชอบถามว่า “ขั้นต่ำเท่าไหร่ ขอเรทราคาหน่อย” ซึ่งคำถามนี้เป็นของคนที่เจรจาไม่เป็น เพราะ ถ้าคุณเป็นคนขาย คุณไม่มีทางให้ราคาขาจร ต่ำกว่า ขาประจำถูกไหมครับ? เพราะฉะนั้น อย่าทำตัวเองเป็น “คนขาจร” ครับ เราต้องทำตัวเป็นขาประจำ อย่าไปพูดถึงขั้นต่ำราคาครับ ด็อกเตอร์อั้ม จะทำแบบนี้ครับ

  • แนะนำตัว ว่าเราคือ ด็อกเตอร์อั้ม ผู้ผลิตอาหารเสริมจากประเทศไทยนะ เราผลิตอะไรบ้าง มีโรงงานของตัวเอง ใช้วัตถุดิบตัวไหนบ้าง แผนเราเป็นไง
  • ชื่นชมเขา พูดในแนวทางว่า เราอยากได้วัตถุดิบของเขามาลงสินค้าเรา เพราะชอบในจุดเด่นของมัน มากกว่า ยี่ห้ออื่นๆ
  • ขายอนาคต พูดว่า หากเราได้วัตถุดิบคุณมาใช้ สินค้าเราน่าจะเป็นที่ต้องการมากๆ เพราะคุณภาพดี ลูกค้าชอบ
  • เพิ่งเริ่มทำ สุดท้ายต้องจบว่า เราเพิ่งเริ่มทำ ขอลองซื้อน้อยๆ ก่อนได้ไหม ช่วยเราหน่อย

เพียงเท่านี้ เขาก็มักจะเสนอราคาพิเศษให้เรา ซึ่งราคาอาจจะไม่ได้ ต่ำกว่าเจ้าใหญ่ ขาประจำของเขา แต่เราก็ไม่ใช่ราคาขาจร แน่ๆ ครับ (ยิ่งถ้าผมมีประวัติขายสินค้าได้หลัก แสนชิ้น ต่อเดือน เจรจา จะง่ายครับ เพราะเขาอาจจะมองผมเป็น ผู้มีศักยภาพ เลยก็ว่าได้)

แต่ถ้าคุณถามว่า “ขั้นต่ำเท่าไหร่” คำถามนี้จะตัดศักยภาพ คุณออกไปทันที เพราะ เป็นคำถามที่สื่อถึงคำว่า “ลองทำ” และ ไม่ได้จริงจัง กับโปรเจคนั้ันจริงๆ แค่อยากลองซื้อขั้นต่ำ ( ทั้งๆที่ผมก็อยากซื้อแค่ขั้นต่ำเหมือนกัน แต่ผมเลือกจะไม่ถามตรงๆ แค่นั้นครับ )
เห็นไหมครับ การเจรจาต่อรอง มันเป็นเรื่องของศิลปะ มันคือความสามารถ Soft Power ที่ไม่ใช่ทุกคนจะมีได้ครับ ต้องอาศัยการฝึกหัดไปด้วย ทั้งนี้ อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างครับ การเจรจาจริงๆ ก็จะมีเทคนิค ยิบย่อยไปตามเนื้อเรื่องอีกมาก ซึ่งเป็น “ความลับทางการค้า” ของเราครับ แต่ก็อยู่ในหลักการที่ผมอธิบายไว้นั้นแหละครับ

Type A blood-03

ลดค่าโฆษณาลง (Ads Fee Reduction)

ค่าโฆษณาเป็นต้นทุน 50-70% ของการขายอาหารเสริม เป็นเรื่องจริง ที่หลายแบรนด์ต้องเจอครับ ในสมัยก่อน เลยมาถึงสมัยนี้ หลายแบรนด์ ก็ยังเลือกจ้างดารา มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ คนเหล่านี้ รับงาน 1 ครั้ง ก็หลักแสน ไปจนถึง หลักล้าน ซึ่งการทำโฆษณาแบบนี้ ก็ไม่ได้การันตีการขายอีกด้วยว่า จ้างเเล้วสินค้าจะขายได้จริงๆ รวมถึงการยิงแอด ก็แพงขึ้น ตามการแข่งขันที่มากขึ้น ทำให้หลายๆ แบรนด์จะต้องบวกราคาต้นทุนค่าโฆษณา เขาไปในราคาสินค้า เพื่อไม่ให้ตนเองขาดทุน ยิ่งแบรนด์ที่เราเห็นโฆษณาเยอะๆ ก็เป็นไปได้ว่า ต้นทุนค่าโฆษณาในสินค้านั้น ต้องสูงขึ้น เป็นสัจธรรมความจริง หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ แต่ถ้าแบรนด์ไหน โฆษณาน้อย ก็ไม่เป็นที่รู้จักอีก! เราจะแก้ตรงนี้อย่างไร????

วิธีการแก้ของด็อกเตอร์อั้ม

  • ให้ความรู้ การให้ความรู้พื้นฐาน ในเรื่องที่หลายคนมองข้าม ก็เป็นการดึงดูดความสนใจได้ครับ
  • Affliate Marketing การจ่ายค่าโฆษณาเมื่อขายได้เท่านั้น ทำให้เราควบคุมต้นทุนค่าโฆษณาได้ครับ
  • ไม่จ้างดารา พรีเซ็นเตอร์ การไม่จ้างดารา คนดัง ก็ทำให้เราไม่ต้องเสียงบ ไม่ต้องบวกราคาเพิ่มในสินค้าครับ
  • สื่อสารกับลูกค้าโดยตรง สมัยนี้ เราสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง ในหลายช่องทาง เช่น Youtube, TikTok, Facebook, Instagram ซึ่งหลายทางนั้น เราไม่เสียค่าโฆษณาเลย เป็น Organic ล้วนๆ หรือ ถ้าต้องเสียเงินจริงๆ เราก็สามารถเลือกช่องทาง ที่เสียเงินน้อย แต่ได้มากได้ ปัจจุบัน สื่อโฆษณา มันไม่ได้จำกัด แค่ใน ทีวี เหมือนเมื่อก่อนเเล้วครับ คนสามารถดูเราเป็นชั่วโมงๆ ได้ใน Youtube แค่เราลงทุนทำ Content ดีๆ ขึ้นมา ซึ่ง Content ก็คือสมบัติของเรา ต่างจากโฆษณา ที่เปิดเเล้วก็หายไปเลย Content อยู่ตลอดไปครับ
Type B blood-04

คิดกำไรน้อยลง

ด็อกเตอร์อั้ม เอากำไรน้อย ความมุ่งมั่นของเราในการทำสินค้าให้เขาถึงได้ แม้เราจะลดต้นทุนวัตถุดิบได้เเล้ว ลดค่าโฆษณาได้เเล้ว เราจำเป็นต้องเอากำไรน้อยลงด้วย เนื่องจากเราตั้งใจ จะทำให้สินค้าเขาถึงได้จริงๆ และ ต้องการทำแบรนด์ให้อยู่ได้ยาวๆ เราจึงสามารถตั้งกำไรให้น้อยลงได้ แต่ไม่ใช่ทุกอย่างจะลดกำไรลงได้ทุกหมด การเอากกำไรน้อย ต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆด้วยเสมอ

  • ต้นทุนการผลิตสินค้า การที่มีโรงงานผลิตอาหาร เป็นของตัวเอง ทำให้ต้นทุนของเรา ไม่ถูกกิน ต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่มักจะจ้างคนอื่นผลิตแบบ OEM ซึ่งจะโดนบวกราคามาเเล้ว 1 ต่อ
  • ไม่มีตัวแทนจำหน่าย การมีตัวแทนจำหน่าย ทำให้เราต้องตั้งราคาเผื่อไว้ ให้ตัวแทนขายสินค้าเราอีกทอดนึงเสมอ เช่น 10-30% หรือ แม้กระทั่ง การมีแผนจะวางสินค้าไปจำหน่ายในห้าง หรือ ซุปเปอร์ ร้านขายยาดังๆ ก็ต้อง บวกส่วนต่างไว้ด้วย อย่างห้างใหญ่ๆ ก็จะหักต้นทุนเราเลย 40-50% ถ้าถามว่าตรงนี้ใครจ่าย ก็ต้องเป็นลูกค้าอยู่เเล้ว ที่ด็อกเตอร์อั้ม เราเน้นจำหน่าย ผ่านช่องทางออนไลน์ Shopee, TikTok Shop, Line@ ทำให้เราไม่ต้องบวกราคาเข้าไปเพิ่มใดๆ
  • กำไรต้องยังพอค่าบริการ แบรนด์ที่ขายถูกมากๆ มักจะไม่ได้รวมค่าประกัน และ ค่าบริการไว้ เช่นในกรณีที่สินค้าชำรุด เสียหายนั้น ผู้ขายต้องเปลี่ยนสินค้าให้ผู้ซื้อ ด็อกเตอร์อัั้ม ได้บวกค่าใช้จ่ายตรงนี้เข้าไปเเล้ว ทำให้เราสามารถรับประกันสินค้า
Type O blood-05

สาระดี ๆ ทิ้งท้าย

การเลือกอาหารเสริมดีที่ ต้องเลือกที่เหมาะกับเรา ทั้งๆที่ด็อกเตอร์อั้ม ขายอาหารเสริมเอง ก็ไม่อยากเชียร์ตัวเองแบบสุดๆ เพราะเราเข้าใจว่า ไม่มีสินค้าไหน ที่ทุกคนชอบ 100% ผมจึงแนะนำให้ทุกคนลองใช้อันที่เราสนใจก่อน ถ้าเราใช้เเล้ว ทานเเล้ว รู้สึกว่าชอบ รู้สึกว่าสิ่งนั้น ทำให้เรามีสุขภาพดีขึ้น เราก็ทานต่อ ซื้อต่อ แต่ถ้าเราไม่ชอบ ตลาดสินค้าอาหารเสริมก็กว้างมาก เราสามารถเลือกเปลี่ยนยี่ห้อได้ คนนึงใช้อันนี้เเล้วดี ไม่ได้หมายความว่า เราจะใช้เเล้วดีด้วย เพราะร่างกายเรานั้นไม่เหมือนกัน

“ในฐานะของผู้ผลิตอาหารเสริม เราก็ทำเต็มที่ในด้านการควบคุมคุณภาพ ความปลอดภัยของอาหาร ตามหลัก อย. ไทย และ มาตรฐานสากล เลือกสรรวัตถุดิบดีๆ ทำราคาให้เข้าถึงได้ง่าย เพื่อให้ทุกคนสามารถทดลองสินค้าของเราได้ โดยไม่เป็นภาระของกระเป๋าสตางค์มากจนเกินไป “

อาหารตามกรุ๊ปเลือด-07