ครีมลดริ้วรอย ควรมีส่วนผสมอะไรบ้าง เพื่อให้หลังใช้งานแล้ว จะช่วยลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวดูอ่อนวัยได้ แม้จะมีอายุที่มากขึ้น ซึ่งจากการที่สกินแคร์ประเภทนี้มีอยู่มากมายในท้องตลาด และแต่ละแบรนด์ต่างก็โฆษณาสรรพคุณ แข่งขันกันอย่างดุเดือด แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ใช้แล้วจะเห็นผลได้จริง ตามที่เขากล่าวอ้าง

กลุ่ม Antioxidant ใน ครีมลดริ้วรอย

เพราะริ้วรอยบนใบหน้า สามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยภายนอกเช่น มลภาวะ แสงแดด แสง UV ฝุ่นควัน และสารเคมีจากการใช้เครื่องสำอางต่าง ๆ ซึ่งล้วนเป็นอนุมูลอิสระที่สามารถแทรกซึมเและทำลายเซลล์ผิว ให้เสียหายได้ ดังนั้น ในครีมลดริ้วรอยส่วนใหญ่ จึงมักใส่สารต้านอนุมูลอิสระเข้ามาเป็นส่วนผสม เพื่อขจัดเอาสิ่งสกปรกเหล่านี้ออกจากผิวของเรา โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นวิตามินต่าง ๆ เช่น

• วิตามิน C

เรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า Ascorbic Acid มีคุณสมบัติต่อต้านสารอนุมูลอิสระ กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน และลดการทำลายคอลลาเจน ที่เกิดขึ้นในชั้นเซลล์ผิวให้ลดลง แม้มีอายุที่มากขึ้น ทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดี โดยครีมลดริ้วรอยที่ดี ควรมีความเข้มข้นของวิตามิน C อยู่ที่ 5-15%

• วิตามิน E

หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า Alpha Tocopherol ถูกยกย่องว่าเป็น Powerful Antioxidant หรือ สารต้านอนุมูลอิสระอานุภาพสูง เนื่องจากมีฤทธิ์ป้องกันแสงแดด และปกป้องสิ่งสกปรกไม่ให้แทรกซึมเข้าไปในผิวหนังของเรา ไม่ว่าเป็น ฝุ่นควัน มลภาวะ ควันบุหรี่ ต่าง ๆ ทำให้บำรุงเซลล์ผิวได้ล้ำลึก เพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ไม่แห้ง ดูเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล และยังช่วยลดกระบวนการอักเสบของผิว โดยจะทำงานได้ดีขึ้นเมื่ออยู่คู่กับวิตามิน C ควรมีความเข้มข้นอย่างน้อย 2 – 20%

• Niacinamide

Niacinamide คือ ชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งของ วิตามิน B3 มีฤทธิ์ช่วยดูแลและบำรุงผิวของเราได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส หรือ ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว โดยในด้านการลดเลือนริ้วรอย เมื่อเข้าสู่ชั้นเซลล์ จะทำหน้าที่กลายเป็นโมเลกุลที่เรียกว่า NADPH เข้าไปช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ในเซลล์ผิว ให้มาดูแล ฟื้นฟู ผิวเสียของเราให้มีสุขภาพดี และเข้าไปเสริมความแข็งแรงให้เกราะป้องกันผิว เช่น Fillagrin Involucrin และ Keratin ฟื้นบำรุงผิวให้แลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น สำหรับปริมาณที่มีประสิทธิภาพ ควรมีความเข้มข้นอย่างน้อย 5 % และระยะเวลาที่ใช้ในการฟื้นฟูผิว ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน ถึงจะเห็นผล

กลุ่ม Anti-aging ใน ครีมลดริ้วรอย

จริง ๆ แล้ว วิตามินต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน C E หรือ Niancinamide (วิตามิน B3) ล้วนเป็นสารที่จัดอยู่ในกลุ่ม Anti-Aging ได้ แต่ก็มีสารอีก 1 ตัวที่ถือว่าใส่เข้ามาเพื่อทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะ นั่นก็คือ สารในกลุ่มเรตินอยด์ หรือ สารอนุพันธ์ของวิตามิน A ไม่ว่าจะเป็นในรูปของ Retinoic Acid, Retinaldehyde, Retinyl Esters เพราะมีคุณสมบัติช่วยส่งเสริมการหมุนเวียนของเซลล์ ทำให้เกิดการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว จนสีผิวสม่ำเสมอ และมีรูขุมขนกระชับขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจนของผิวให้มากขึ้น ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น  ช่วยลดริ้วรอย

โดยปกติแล้ว Retinoid นั้น มักถูกใช้เป็นยาสำหรับรักษาสิว ตลอดจนเวชสำอางต่าง ๆ ซึ่งด้วยความที่มีเข้มข้นสูง ทำให้เมื่อนำมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง มักใช้ในรูปแบบของ Derivatives Retinoid มากกว่า เพราะหากใช้ในปริมาณเข้มข้นมาก อาจทำให้ระคายเคืองง่าย และส่งผลข้างเคียงเยอะ สำหรับปริมาณความเข้มข้นที่มักใช้กันในครีมลดริ้วรอยมักอยู่ที่ 0.025 -0.05% โดยหลังจากใช้งานแล้ว จะเห็นผลได้ในระยะเวลา 4-12 สัปดาห์ขึ้นไป

กลุ่ม Plant – Marine Extract ในครีมลดริ้วรอย

เป็นกลุ่มของสารสกัดจากพืชที่ช่วยลดผลข้างเคียง จากส่วนผสมอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ไม่ว่าจะเป็นวิตามินต่าง ๆ และสารในกลุ่มเรตินอยด์ โดยสารสกัดจากพืชที่นิยมใช้เช่น

• สารสกัดจากชะเอมเทศ (Licorice Extract)

เป็นสารสกัดที่ได้จากรากชะเอมเทศ ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย โดยยังมีสาร Grabidin 40% มีคุณสมบัติยับยั้งการสร้างเม็ดสีในเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูขาว กระจ่างใส โดยไม่กระทบกับกระบวนการสำคัญระดับเซลล์อื่น ๆ

• สารสกัดจากถั่วเหลือง (Isoflavone)

มีฤทธิ์และโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิง แต่มีฤทธิ์น้อยกว่าเอสโตรเจน 1000 เท่า ช่วยลดการสะสมของไขมันและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ส่งผลให้รูปร่างกระชับ ไม่หย่อยคล้อย ผิวดูเต่งตึง

• โอ๊ต เบต้า-กลูแคน (Oat Beta Glucans)

เป็นสารประกอบประเภทน้ำตาลที่ได้จากข้าวโอ๊ต มีคุณสมบัติเป็นใยอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง และยังมีฤทธิ์ช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็ง สำหรับในด้านการบำรุงผิว จะช่วยให้บาดแผลบนผิวหายเร็วขึ้น และยังมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ลดริ้วรอย

กลุ่ม AHA – BHA – PHA ครีมลดริ้วรอย

สารในกลุ่ม AHA – BHA – PHA เป็นสารอีกกลุ่มหนึ่งที่สามารถพบได้ใน ครีมลดริ้วรอย โดยถึงแม้จะมีหน้าที่หลักคือ ช่วยให้เกิดการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวใหม่ แต่เมื่อเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และเกาะสะสมอยู่ด้านบน ค่อย ๆ หลุดออกไป ก็จะทำให้ผิวกลับมามีความเรียบเนียน ริ้วรอยที่เคยเป็นร่องลึก ก็จะดูตื้นและจางลง ทำให้หน้าดูอ่อนวัยลงได้เช่นกัน

โดยสารในกลุ่ม AHA ที่พบได้เช่น กรดซีตริก (Citric Acid) จากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว กรดทาร์ทาริก (Tartaric Acid) จากองุ่น กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) จากอ้อย กรดมาลิก (Malic Acid) จากแอปเปิ้ล และ กรดแลคติก (Lactic Acid) จากนมเปรี้ยว ส่วนสารในกลุ่ม BHA เช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) และสารในกลุ่ม PHA คือ  Gluconolactone เป็นสาร PHA ที่สกัดได้จากข้าวโพด

Cell Regulator ครีมลดริ้วรอย

เป็นอีกส่วนผสมหนึ่งใน ครีมลดริ้วรอย ทำหน้าที่เป็นสารตั้งต้นในการสร้างคอลลาเจน หรือ กระตุ้นเซลล์ในชั้นผิวหนัง ให้สร้างคอลลาเจนขึ้นมา ส่วนใหญ่แล้วเป็นสารในกลุ่มโปรตีน เปปไทด์ (Peptides) และ Growth Factor ต่าง ๆ ซึ่งเมื่อแทรกซึมเข้าสู่ผิว และถูกกระตุ้นจากสารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน สารในกลุ่มเรตินอยด์ สารในกลุ่ม AHA BHA PHA ก็จะเข้าไปมีส่วนในการสร้างคอลลาเจนในชั้นเซลล์ผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวหน้ายืดหยุ่น ดูกระชับ เต่งตึงและเรียบเนียน คงความอ่อนเยาว์ และยังเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

สำหรับใครที่สนใจ อยากผลิต ครีมลดริ้วรอย ที่มีส่วนผสมคุณภาพ ลดริ้วรอยได้จริง สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ SGECHEM เพราะเราเป็นโรงงาน OEM ที่ผลิตเครื่องสำอางครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ไปจนถึงการออกแบบ สร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ และมีบริการจดทะเบียน อย. ให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของคุณถูกต้องตามกฏหมาย สามารถวางขายแข่งขันทางการตลาดได้อย่างสบายหายห่วง หากสนใจสามารถคลิกลิ้งก์เว็บไชต์ที่ https://sgechem.com/ หรือติดต่อทางโทรศัพท์ หรือ Line ของเราได้เลย

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

• ส่วนผสม ครีมทาหน้า ยอดฮิตมีอะไรบ้าง สรรพคุณเป็นอย่างไร

• 10 วิธี กระชับรูขุมขน แบบธรรมชาติ แก้ปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวเนียนละเอียด